โบรกเกอร์เทใจเชียร์ “ซื้อ”หุ้น บมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล [BCH] บริหารกลุ่มโรงพยาบาลกลุ่มเกษมราษฏร์ และโรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล แนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 2/68 เติบโตทั้ง YoY และ QoQ ตามรายได้จากผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นทั้งกลุ่มเงินสดและประกันสังคมเนื่องจากฤดูฝนมาเร็วกว่าปกติ ขณะที่ครึ่งปีหลังคาดว่าผลงานจะดีกว่าครึ่งปีแรก อีกทั้งมีการรีโนเวทโรงพยาบาลเดิม และขยายสาขาโรงพยาบาลใหม่หนุนรายได้ปีนี้ด้วย
ประเด็นลูกค้าคูเวตที่เคยเก็บเงินจากรัฐบาลคูเวตไม่ได้ 200 ล้านบาทไม่น่าจะเป็นหนี้เสีย ซึ่ง BCH อยู่ระหว่างติดตามผ่านทางสถานฑูตคูเวต ส่วนเงินประกันสังคมกลับมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง (RW>2) จากก่อนหน้านี้ตัดลดรายจ่ายค่ารักษาพยาบาลโรคที่ไม่รุนแรง จะทำให้รายได้ส่วนนี้เติบโตขึ้น
สำหรับราคาหุ้น BCH ปรับตัวลงตามภาพรวมตลาด และเทรดบน P/E ต่ำ โบรกฯแนะใช้เป็นจังหวะทยอยเก็บสะสม รับหุ้น Defensive รอทำกำไรจากแนวโน้มครึ่งปีหลังเติบโตเด่น
เช้านี้ หุ้น BCH เคลื่อนไหวอยู่ที่ 13.40 บาท ลดลง 0.10 บาท (-0.74%)
นักวิเคราะห์จากบล.กรุงศรี กล่าว่า จากการประชุมกับผู้บริหาร BCH มองแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 68 น่าจะผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 1/68 ไปแล้ว และไตรมาส 2/68 รายได้-กำไรคาดว่าจะฟื้นตัวจากไตรมาสแรก เบื้องต้นคาดจะมีกำไรสุทธิ 350 ล้านบาท +26YoY และ +9%QoQ จากรายได้เพิ่มขึ้น +5%YoY, +3%QoQ เติบโตทั้งกลุ่มลูกค้าเงินสดและรายได้จากประกันสังคม ประเมิน Gross Margin ดีขึ้นมาที่ 28.3% จาก 28.1% ในไตรมาส 1/68 และ 26.1% ในไตรมาส 2/67 มาจาก Economies of scale การใช้บริการเพิ่มขึ้นจากฤดูฝนที่มาเร็วทำให้ Traffic ในเดือน พ.ค.-มิ.ย.มากขึ้นกว่าเดือน เม.ย. จากปกติฤดูฝนจะมาช่วงปลายไตรมาส 2
ขณะที่ลูกค้ากลุ่มรัฐสวัสดิการคูเวตจะยังไม่มีความชัดเจนเรื่องการจ่ายเงิน ซึ่งกระทบกับรายได้ในไตรมาส 1/68 แต่ก็เริ่มทรงตัวในไตรมาส 2/68 ซึ่งรายได้จากลูกค่าคูเวตคิดเป็น 0.4-0.5% ของรายได้รวมจึงไม่ค่อยมีนัยสำคัญ ถือว่าผลกระทบไม่มาก
ผู้บริหารให้มุมมองทิศทางรายได้เดือน เม.ย-พ.ค.68 เติบโตดีขึ้น หรือเติบโตราว 5-6% yoy และเติบโต 3% qoq ปัจจัยสนับสนุนมาจากรายได้กลุ่มลูกค้าเงินสดที่เข้าใช้บริการเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะ IPD และรายได้ประกันสังคมเติบโตสูง yoy และเติบโต qoq จากไม่มีผลกระทบปรับลดอัตราจ่ายค่ารักษา RW>2(vs ปี 67 รายได้ประกันสังคมมีผลกระทบ -81ลบ. จากปรับอัตราจ่ายค่ารักษาส่วนRW>2 เหลือ 7,200บาท/RW)และเริ่มให้บริการหัตถการ MOU โรคหัวใจ, หลอดเลือดสมอง มีอัตราจ่าย 15,000บาท/RWเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/68
นักวิเคราะห์ มองว่าแนวโน้มผลประกอบการในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะดีกว่าครึ่งแรก เป็นไปตามวัฎจักรธุรกิจโรงพยาบาล โดยคาดว่าในปี 68 BCH จะมีรายได้ 12,917 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,592 ล้านบาท จากปี 67 ที่มีรายได้ 11,725 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 2,629 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี ทิศทางราคาหุ้น BCH ควรจะ Perform ตามแนวโน้มผลประกอบการ แต่กลับปรับตัวลงตามภาพรวมตลาด และเทรดบน P/E ต่ำลง ทั้งนี้ เห็นว่าหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลเป็นหุ้น Defensive ราคาจึงไม่ได้เหวี่ยงมาก เพราะกลุ่มโรงพยาบาลยังมีความจำเป็น จึงเห็นว่าเป็นจังหวะทยอยเข้าสะสมรอรับผลประกอบการช่วงครึ่งหลังของปีที่จะทำกำไรได้ดี จึงยังคงแนะนำ”ซื้อ”ด้วยราคาเป้าหมาย 19 บาท
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์คาดว่าผลการดำเนินงานของ BCH ในปี 68 จะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง หลังจากผลการดำเนินงานออกมาน่าพอใจในไตรมาส 1/68 โดยกำไรเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ ซึ่งกำไรสุทธิของ BCH ในไตรมาส 1/68 อยู่ที่ 320 ล้านบาท (+0.4% YoY, +37.4% QoQ) เราคาดว่าผลประกอบการน่าจะดีต่อเนื่องในไตรมาส 2/68 และดูน่าตื่นเต้นยิ่งขึ้นอีกในช่วงครึ่งหลังปี 68 จึงมั่นใจว่า BCH จะฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง YoY ในปี 68
ประเด็นสำคัญที่น่าสนใจจากการประชุมรอบนี้มีดังนี้
– เป้ารายได้ ผู้บริหารของ BCH ตั้งเป้าอัตราการเติบโตของรายได้ปี 68 ไว้ที่ 8-10% YoY สูงกว่าประมาณการของเราที่ 7.5% อยู่เล็กน้อย โดยบริษัทมั่นใจว่ารายได้จะเติบโตได้ตามเป้า และยังมี upside อีก เรามองว่าการดำเนินธุรกิจหลักจะถูกขับเคลื่อนโดย i) รายได้เพิ่มขึ้นจากทั้งโรงพยาบาลเดิม (renovate) และ โรงพยาบาลใหม่ ๆ (คาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุน หรือ มีกำไรภายใน Q4/68) ในพอร์ตของบริษัท ii) บริการใหม่ ๆ (การขยายบริการศัลยกรรมพลาสติก, การฉายรังสีรักษาโรคมะเร็ง และทันตกรรม) และ iii) คุมค่าใช้จ่ายได้ดี (สัดส่วน SG&A/รายได้ ลดลงเป็น 12.9% ใน Q1/68 จาก 13.2% ใน Q1/67 และ 15.0% ใน Q4/67)
– ประเด็นผู้ป่วยคูเวตที่รัฐบาลส่งมารักษายังไม่กลับมาใช้บริการ BCH ในปีนี้ ซึ่งเป็นไปตามที่เราคาดเอาไว้อยู่แล้ว และยังมีหนี้ค้างชำระของรัฐบาลคูเวตสำหรับการให้บริการรักษาพยาบาลตั้งแต่ปี 66 ประมาณ 200 ล้านบาท ซึ่งโรงพยาบาลกลุ่มที่มีหนี้ค้างชำระจะสอบถามประเด็นนี้จากสถานทูตคูเวต ซึ่งจากจดหมายอย่างเป็นทางการของสถานทูตคูเวตที่ส่งผู้ป่วยมารักษา ทำให้คาดว่าหนี้ก้อนนี้ไม่น่าจะกลายเป็นหนี้เสียของ BCH กรณีเลวร้ายที่สุดอาจทำให้ต้องตั้งสำรอง (อย่างเช่น 3% ของยอดหนี้ทั้งหมด)
– อัพเดตประเด็นประกันสังคม (SSO) ในปัจจุบัน SSO ได้ปรับการชำระเงินด้วยการคุมค่ารักษาโรคที่ไม่รุนแรง อย่างเช่น การผ่าตัดกระเพาะอาหาร (gastric sleeve) ซึ่งจะทำให้ SSO มีสภาพคล่องดีขึ้น เพื่อนำมาจ่ายให้กับโรงพยาบาลที่ให้บริการรักษาพยาบาลโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง ดังนั้น จึงนับเป็นสัญญาณบวกสำหรับการจ่ายค่ารักษาพยาบาลโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง (RW>2) ในปีนี้
– โรงพยาบาลใหม่ โรงพยาบาลใหม่สามแห่งของ BCH ดูมีแนวโน้มเป็นบวก คาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุนหรือทำกำไรได้หลังจากที่มีผลขาดทุนสุทธิประมาณ 200 ล้านบาทในปีที่แล้ว
ทั้งนี้ ประเมินกำไรของ BCH จะเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ ในไตรมาส 2/68 และจะขึ้นไปสูงสุดในไตรมาส 3/68 เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 68 ไว้ที่ 1.58 พันล้านบาท (+23.2% YoY) และ ปี 69 ไว้ที่ 1.89 พันล้านบาท (+19.5% YoY)
ขณะที่ BCH ยังคงเป็นหนึ่งในหุ้นเด่นของเราในกลุ่มนี้ ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยประเมินราคาเป้าหมาย DCF ปี 68 ที่ 18.50 บาท (ใช้ WACC ที่ 7.5% และ TG ที่ 2.0%)
ด้าน บล.ลิเบอเรเตอร์ ระบุว่า แนวโน้มรายได้ผู้ป่วยต่างชาติขยายตัวต่อเนื่อง ประเทศอื่นๆ โตแรง แม้ GOP คูเวตยังไม่มา แต่ไตรมาส 2/68 ฤดูฝนมาเร็ว คาดกำไรโต q-q ต่อเนื่อง ผนวกกับโรงพยาบาล 2 สาขาจะรีโนเวทเสร็จช่วงไตรมาส 3/68 คงประมาณการ และเชื่อว่า BCH จะทำได้ตามเป้า
ผู้ป่วยต่างชาติเริ่มฟื้นบางส่วนในไตรมาส 1/68 รายได้จากผู้ป่วยต่างชาติอยู่ที่ 390 ลบ. หากตัดรายได้ผู้ป่วย GOP คูเวตออกไปจะขยายตัว +13.4% y-y เป็นผลจากคนไข้ชาวลิเบีย, สหรัฐอเมริกา, บังคลาเทศ และจีน โตแรง +206.3%, +93.1%, +88.0% และ +67.2% y-y ตามลำดับ แม้การส่งผู้ป่วย GOP คูเวตไม่มีความคืบหน้า ปัจจุบันมีรายได้ค้างรับจากรัฐบาลคูเวตราว 200 ลบ. กำลังอยู่ในขั้นทำเรื่องเบิกจ่าย
ส่วนรายได้ศูนย์ศัลยกรรมพลาสติก (KPS) ในไตรมาส 1/68 อยู่ที่ 91 ลบ.จากทั้งปี 67 ที่ 117 ลบ. ปีนี้ BCH มีแผนขยายอีก 3 สาขา เป็น 5 สาขา
ประเด็นสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ไม่น่าเป็นห่วง ตั้งแต่เดือน เม.ย.68 สปส.จะจ่ายค่ารักษาโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลัน (Stroke) ที่อัตรา 15,000 บาท/RW สูงกว่าระดับการันตีเดิม ผู้บริหารมั่นใจรายได้กลุ่มโรคซับซ้อน (RW>2) สปส.มีเงินพอจ่ายได้ที่ 12,000 บาท/RW ตลอดปี
2 ใน 3 โรงพยาบาลใหม่แนวโน้มดี ได้แก่ รพ.เกษมราษฎร์ สาขาอรัญประเทศ และเวียงจันทน์ รายได้ขยายตัว +25.3% และ +14.1% y-y ตามลำดับ คาดครึ่งหลังปี 68 มีกำไรสุทธิ ส่วนสาขาปราจีนบุรีรายได้หดตัว -6.1% y-y มีการเปลี่ยนผู้บริหารใหม่ เดือน พ.ค.เริ่มเห็นการฟื้นตัว
ผู้บริหารคงเป้ารายได้ปี 68 เติบโต 8-10% y-y โดยไตรมาส 2/68 ได้ประโยชน์จากฤดูฝนมาเร็ว รวมถึงช่วงรอมฎอนที่จบในไตรมาส 2/68 คาดกำไรจะโต q-q ต่อในไตรมาส 3/68 ซึ่งเป็น High season ผนวกกับสาขาปทุมธานีที่จะรีโนเวทแผนก ICU และ OPD แล้วเสร็จในเดือน มิ.ย. ส่วนสาขาบางแคคาดปรับปรุงแล้วเสร็จในไตรมาส 3/68
คงประมาณการ โดยมองว่ากำไรจะขยายตัว q-q ตามลำดับในไตรมาส 2-ไตรมาส 3/68 จากผลของฤดูกาล คงคำแนะนำ “ซื้อ” มองว่ายังเป็นหุ้นที่มีแนวโน้มการเติบโตระยะยาวที่ดีตามการรีโนเวทและขยายสาขา รพ. นักลงทุนระยะยาว “ทยอยสะสม” ได้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 มิ.ย. 68)
Tags: BCH, Consensus, บางกอก เชน ฮอสปิทอล, โรงพยาบาลเกษมราษฎร์