CRC ร่วง 5.11% นำกลุ่มค้าปลีก มาที่ 22.30 บาท ลดลง 1.20 บาท มูลค่าซื้อขาย 137.22 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.50 น. รับความเสี่ยงเงินเฟ้อของไทย หลังจากตัวเลขออกมาหดตัวครั้งแรกในรอบ 13 เดือน ทำให้มีความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งราคาหุ้นค้าปลีกตัวอื่นๆ ก็ปรับลดลงด้วยเช่นกัน ได้แก่
CPAXT ลดลง 1.78% มาที่ 24.80 บาท ลดลง 0.45 บาท มูลค่าซื้อขาย 39.20 ล้านบาท
CPALL ลดลง 1.46% มาที่ 50.50 บาท ลดลง 0.75 บาท มูลค่าซื้อขาย 596.30 ล้านบาท
BJC ลดลง 0.42% มาที่ 23.70 บาท ลดลง 0.10 บาท มูลค่าซื้อขาย 11.69 ล้านบาท
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า เงินเฟ้อของไทยในเดือน เม.ย.8 พลิกมาหดตัว 0.22% YoY เป็นครั้งแรกในรอบ 13 เดือน และหดตัวแรงกว่าคาดที่ 0.10% YoY จากที่ขยายตัว 0.84% YoY ในเดือน มี.ค.68 ท่ามกลางการลดลงของราคาสินค้าในกลุ่มพลังงานและราคาผักสด โดยเงินเฟ้อส่งสัญญาณชะละลงชัดเจน โดยหดตัว 0.21% MoM ต่อเนื่องจาก -0.20% MoM ในเดือน มี.ค.68 นับเป็นการหดตัวเทียบกับเดือนก่อนหน้าต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3
อย่างไรก็ตาม หากหักผลของราคาอาหารและพลังงานแล้ว เงินเฟ้อพื้นฐานขยายตัวได้ 0.98% YoY สูงกว่าคาดการณ์เล็กน้อย และเดือนก่อนหน้าที่ 0.86% YoY
นักวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส มองว่า หุ้นกลุ่มค้าปลีกได้รับผลกระทบหลังจากที่ตัวเลขเงินเฟ้อไทยเดือนเม.ย.ที่ออกมาล่าสุดหดตัวเป็นครั้งแรก และแนวโน้มเงินเฟ้อในเดือนพ.ค.นี้คาดว่าจะยังหดตัว YoY ซึ่งติดต่อกันเป็น 2 เดือน สะท้อนภาพของเศรษฐกิจที่ชะลอตัวมีผลต่อการบริโภค จึงกระทบต่อหุ้นกลุ่มค้าปลีก โดยมองว่ากระทบ บมจ.เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น (CRC) มากที่สุด เพราะมีสินค้าในกลุ่มที่เป็นสินค้าฟุ่มเฟือยในสัดส่วนค่อนข้างมาก ซึ่งน่าจะเป็นกลุ่มแรก ๆ ที่ได้รับผลกระทบ แต่ในส่วนของสินค้าจำเป็น โดยเฉพาะหมวดอาหาร ของใช้ในบ้านต่างๆ น่าจะยังดีอยู่ ทำให้หุ้นค้าปลีกในกลุ่มที่เน้นการขายสินค้าจำเป็น เช่น อาหาร ของใช้ในบ้าน และชีวิตประจำวัน ปรับตัวลดลงน้อยกว่า
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 พ.ค. 68)