นายพงศ์พจน์ เลิศรุ้งพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ดีเฮ้าส์พัฒนา [DHOUSE]แต่งตั้ง บล.ดาโอ (ประเทศไทย) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ เพื่อเสนอขายหุ้นกู้มีประกันของบริษัท ครั้งที่ 2/2568 ครบกำหนดไถ่ถอน พ.ศ. 2570 และ ผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนก่อนครบกำหนด อายุ 2 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 7.25% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ เสนอขายรวมกันเป็นมูลค่าไม่เกิน 120 ล้านบาท โดยมีหลักประกันเป็นที่ดิน จำนวน 13 โฉนด รวมพื้นที่ 42 ไร่ 3 งาน 90.20 ตารางวา และ ผู้ออกหุ้นกู้จะต้องดำรงมูลค่าทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันรวมกันไม่ต่ำกว่า 1.4 เท่า ของมูลค่ารวมของหุ้นกู้ที่ยังมิได้ไถ่ถอนทั้งหมดตลอดอายุหุ้นกู้
นายฐิติพัฒน์ ทวีสิน รองกรรมการผู้จัดการฝ่าย Corporate Finance Solutions & REIT บล.ดาโอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า การเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้เป็นการเสนอขายให้แก่กลุ่มผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ (Institutional and High Net Worth Investor: II&HNW) กำหนดวันจองซื้อระหว่างวันที่ 6-8 พฤษภาคม 2568 และ ออกหุ้นกู้ในวันที่ 9 พฤษภาคม 2568
สำหรับการเสนอขายหุ้นกู้ DHOUSE ครั้งที่ 2/2568 มีผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ จำนวน 4 แห่ง ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด (มหาชน) โดยมี บริษัทหลักทรัพย์ เคพีเอ็ม จำกัด เป็นนายทะเบียนหุ้นกู้ และ บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้
วัตถุประสงค์ในการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ เพื่อเป็นเงินทุนในโรงงานผลิตชิ้นส่วนอาคารสำเร็จรูป เตรียมพัฒนาโครงการ UPark Residence พร้อมทั้งเป็นเงินทุนหมุนเวียนธุรกิจ ซึ่งใช้เงินราว 90 ล้านบาท โดยมุ่งเน้นการขยายพอร์ตอสังหาริมทรัพย์ของบริษัททั้งประเภทขายและให้เช่า พร้อมกระจายความเสี่ยงด้านธุรกิจ และ ตอบรับเทรนด์การอยู่อาศัยในทำเลศักยภาพอย่างมหาสารคาม
รวมถึงเพื่อรองรับการชำระคืนหุ้นกู้ DHOUSE25NA ที่จะครบกำหนดในเดือนพ.ย. นี้ โดยใช้เงินประมาณ 30 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม แม้ไม่มีเงินจำนวนดังกล่าวบริษัทยังมีกระแสเงินสดเพียงพอจะชำระเงินหุ้นกู้ โดยหากไม่ได้ใช้จะถูกนำไปเป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัท
นายพงศ์พจน์ กล่าวว่า บริษัทมุ่งเน้นสร้างการเติบโตของรายได้ในปี 68 ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ 25.44% โดยปรับลดลงจากเดิมที่ตั้งเป้ารายได้เติบโต 30-40% เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันที่ชะลอตัว โดยจะรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องผ่านโครงการอสังหาริมทรัพย์ทั้งจำหน่าย และ ให้เช่า ทั้งหมดจำนวน 4 โครงการ ได้แก่ โครงการเดอะ แกรนด์ คาแนล, โครงการแกรนด์ บิซ, โครงการพฤกภิรมย์ ศาลากลาง, โครงการ U PARK HOME
ขณะเดียวกัน บริษัทรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องจากธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน รวมถึงธุรกิจร้านค้าภายในสถานีบริการน้ำมัน “ปตท. ยูพาร์ค ขามเรียง” ใกล้มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ภายใต้การบริหารของบริษัท ดี เอนเนอร์จี แอนด์ รีเทล จำกัด ในรูปแบบ DODO (Dealer Owned Dealer Operated) จำนวน 1 แห่ง ซึ่งปัจจุบันสามารถสร้างรายได้มากกว่า 56% อีกทั้งยังมีแผนรองรับการขยายตลาดไปยังจังหวัดใกล้เคียง เพื่อผลักดันรายได้ให้เติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนการดำเนินงานก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่จำนวน 3 โครงการ รวมมูลค่า 259.92 ล้านบาท ได้แก่ โครงการ UPark Home, UPark Market และ UPark Residence ที่ตอบโจทย์ทั้งผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยและการลงทุน ทั้งนี้โครงการ UPark Residence คาดว่าจะเริ่มทยอยสร้างเสร็จในไตรมาส 4/68 โดยคาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุนใน 5 ปี โดยให้ผลตอบแทนที่ประมาณ 19-20% ต่อปี
นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า DHOUSE มีความแข็งแกร่งในด้านการพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ากลุ่มระดับกลางและนักศึกษา ด้วยการควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเสริมความสามารถในการทำกำไร รวมถึงรักษาวงจรเงินสดให้แข็งแกร่ง อีกทั้งยังมีความได้เปรียบของพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีความปลอดภัยจากภัยพิบัติต่างๆ และ เหตุการณ์แผ่นดินไหว จึงเป็นทำเลที่เหมาะสมสำหรับการอยู่อาศัยและการลงทุนระยะยาว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 เม.ย. 68)
Tags: DHOUSE, ดีเฮ้าส์พัฒนา, พงศ์พจน์ เลิศรุ้งพร, หุ้นกู้