ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในสัปดาห์ถัดไป (4-6 มิ.ย.) คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.40-33.10 บาท/ดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ค. ของไทย, ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ, ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก และสถานการณ์สงครามการค้าของสหรัฐฯ และคู่ค้า
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี ISM/PMI ภาคการผลิตและภาคบริการ ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชน ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร และอัตราการว่างงานเดือนพ.ค. ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนเม.ย. รายงาน Beige Book ของเฟด และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป และตัวเลขเศรษฐกิจอื่น ๆ อาทิ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนพ.ค. ของญี่ปุ่น ยูโรโซน อังกฤษ และจีน และตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ค. ยูโรโซน
โดยในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (26-30 พ.ค.) เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 7 เดือนครึ่งที่ 32.38 บาท/ดอลลาร์ฯ ก่อนจะล้างช่วงบวกทั้งหมด และกลับมาอ่อนค่าลง ตามแรงขายทำกำไรทองคำในตลาดโลก และการอ่อนค่าของสกุลเงินเอเชีย นำโดยเงินเยน ซึ่งมีแรงกดดันจากการร่วงลงของบอนด์ยีลด์ญี่ปุ่น ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ได้รับแรงหนุนจากการที่ตลาดคลายความกังวลเกี่ยวกับประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และยุโรป (ปธน. ทรัมป์ เลื่อนการเรียกเก็บภาษีศุลกากรในอัตรา 50% จาก EU ออกไปเป็นวันที่ 9 ก.ค.) และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ บางตัว เช่น ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนพ.ค. ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด
ทั้งนี้ เงินบาทฟื้นตัวขึ้นช่วงสั้น ๆ กลางสัปดาห์ แต่กลับไปอ่อนค่าต่อเนื่องจนถึงช่วงท้ายสัปดาห์ สอดคล้องกับแรงขายของต่างชาติในตลาดหุ้น และพันธบัตรไทย และการปรับตัวลงของราคาทองคำในตลาดโลก ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ แข็งค่าขึ้น รับข่าวที่ศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ในนิวยอร์ก ระงับการใช้มาตรการภาษีศุลกากรของ ปธน.ทรัมป์ เนื่องจากเป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขต (แม้ต่อมาภายหลังศาลอุทธรณ์ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ได้ระงับคำตัดสินของศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ เป็นการชั่วคราว)
โดยในวันศุกร์ที่ 30 พ.ค.68 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 32.84 บาท/ดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 32.58 บาท/ดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (23 พ.ค.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 26-30 พ.ค.68 นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 15,588 ล้านบาท และมีสถานะอยู่ในฝั่ง Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตรไทย 12,429 ล้านบาท (ขายสุทธิพันธบัตร 11,821 ล้านบาท และตราสารหนี้หมดอายุ 608 ล้านบาท)
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 พ.ค. 68)
Tags: KBANK, ค่าเงินบาท, อัตราแลกเปลี่ยน, เงินบาท