นายทวี กุลเลิศประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไนท คลับ แคปปิตอล โฮลดิ้ง [KCC] เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจในไตรมาส 1/68 ว่าบริษัท เคซีซี แอสเซท รีคัฟเวอรี จำกัด (KCCAR) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยเพื่อขยายขอบเขตการดำเนินธุรกิจการซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่ KC ถือหุ้นทั้ง 100% เริ่มลงทุนในสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ และอยู่ระหว่างหาทรัพย์ที่น่าสนใจเพิ่ม ซึ่งในไตรมาส 1/68 กลุ่มบริษัทได้เข้าลงทุนในพอร์ตใหม่รวมทั้งสิ้น 67 ล้านบาท แบ่งเป็นลงทุนผ่าน KCCAMC จำนวน 66 ล้านบาท และลงทุนผ่าน KCCAR จำนวน 1 ล้านบาท และสำหรับ KCCAR ปีนี้ตั้งเป้าซื้อหนี้ที่ 200 ล้านบาท โดยจะทยอยซื้อหนี้เพิ่มเข้ามาในไตรมาส 2/68
สำหรับผลดำเนินงานรวมของกลุ่มนั้นในไตรมาส 1/68 มีรายได้รวม 60 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยเทียบงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้ 61.9 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 13.9 ล้านบาทลดลง 15% เทียบงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 16.4ล้านบาท
“รายได้และกำไรที่ลดลง เป็นผลรายได้ดอกเบี้ยรับ NPL ซึ่งเป็นรายได้หลักของบริษัท รายได้ดอกเบี้ยรับในไตรมาสนี้ลดลง เนื่องจากการลดลงของพอร์ตลูกนี้ที่เป็นผลมาจากการจ่ายชำระเงินของลูกหนี้ที่ค่อนข้างสูงในช่วงที่ผ่านมา อีกทั้งในไตรมาส 4/67 มีการปรับรายได้ดอกเบี้ยของพอร์ตลูกหนี้ที่ซื้อในปี 67 จึงทำให้รายได้ดอกเบี้ยในไตรมาสนั้นอยู่ในระดับสูงกว่าปกติ (one-time adjustment)
อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 1/68 บริษัทมีการซื้อพอร์ตลูกหนี้เพิ่มขึ้นแต่ยังไม่มีการรับรู้รายได้ของลูกหนี้ดังกล่าว แม้รายได้ดอกเบี้ยจะลดลง แต่ภาพรวมยังสะท้อนความมั่นคงของโมเดลรายได้ระยะยาว จากพอร์ตคุณภาพที่สร้าง IRR ต่อเนื่อง” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KCC กล่าว
นายทวี กล่าวว่า ณ วันที่ 31 มี.ค.68 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 2,285.9 ล้าน ลดลงเมื่อเทียบกับสิ้นปี 67 เป็นผลจากการนำกระแสเงินสดที่ได้รับจากการรับชำระหนี้จากลูกหนี้ไปชำระคืนหนี้หุ้นกู้ที่ครบกำหนด 250 ล้านบาทในเดือน มี.ค.68 แต่บริษัทได้ชำระหนี้หุ้นกู้ไปก่อนหน้าเมื่อเดือน ธ.ค.67 ทำให้ ณ สิ้นไตรมาส 1/68 บริษัทมีหนี้สินทั้งหมด 1,061.9 ล้านบาท ลดลง 17% จากสิ้นปี 67 รวมถึงมีการลงทุนซื้อพอร์ตลูกหนี้สินเชื่อธุรกิจเพิ่มขึ้น
การจัดการดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการบริหารจัดการกระแสเงินสดอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมรักษาความมั่นคงด้านสถานะทางการเงิน เพราะการชำระหนี้หุ้นกู้จะช่วยลดภาระดอกเบี้ยในอนาคต ขณะที่การลงทุนในพอร์ตใหม่ยังอยู่ภายใต้เกณฑ์การประเมินความเสี่ยงและอัตราผลตอบแทน (IRR) อย่างรอบคอบ ทำให้บริษัทสามารถรักษาคุณภาพของพอร์ตสินทรัพย์ไว้ในระดับที่ดี และวางรากฐานเพื่อสร้างรายได้อย่างยั่งยืนในระยะถัดไป
นอกจากนี้ การคืนหนี้ก่อนกำหนดนอกจากช่วยลดต้นทุนทางการเงิน จากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยในอนาคตที่ลดลงแล้ว ยังช่วยให้โครงสร้างเงินทุนของบริษัทมีความแข็งแรงมากขึ้น อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ปรับตัวดีขึ้น ช่วยเสริมความยืดหยุ่นในการบริหารเงินทุนและรองรับการลงทุนในพอร์ตใหม่ที่มีศักยภาพในอนาคต ทั้งยังสะท้อนถึงความสามารถของบริษัทในการบริหารหนี้อย่างมีวินัย และสร้างกระแสเงินสดจากสินทรัพย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ถือหุ้นและนักลงทุนระยะยาว
โดย ณ วันที่ 31 มี.ค.68 บริษัทฯ มีส่วนของผู้ถือหุ้นบริษัทเท่ากับ 1,224.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 67 จากการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิจากการดำเนินงานที่เพิ่มเข้ามาต่อเนื่อง
นายทวี กล่าวว่า บริษัทยังมุ่งเน้นกลยุทธ์ตั้งแต่การคัดเลือกและลงทุนในพอร์ต NPL และ NPA ใหม่ที่มีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนสูง ภายใต้การวิเคราะห์อย่างเข้มงวดเพื่อรักษาคุณภาพของพอร์ตสินทรัพย์ให้แข็งแรงและให้ผลตอบแทนที่สมดุลกับความเสี่ยง ทั้งนี้ในปัจจุบันมีพอร์ตหนี้ที่บริษัทอยู่ระหว่างการตรวจสอบสินทรัพย์ (ดิวดีลิเจนท์) เพื่อประมูลซื้อ รวมถึงการเร่งดำเนินการบริหารพอร์ตเดิมให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยใช้ทั้งแนวทางเจรจา การปรับโครงสร้างหนี้ และการดำเนินคดีอย่างเหมาะสม เพื่อเปลี่ยนพอร์ตหนี้ให้เป็นกระแสเงินสดอย่างต่อเนื่อง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 พ.ค. 68)
Tags: KCC, ซื้อหนี้, ทวี กุลเลิศประเสริฐ, หุ้นกู้, ไนท คลับ แคปปิตอล โฮลดิ้ง