หุ้น KTC ราคาร่วง 14.39% ติดฟลอร์ตามเกณฑ์ชั่วคราวของตลาดหลักทรัพย์ฯ มาอยู่ที่ 29.75 บาท ลดลง 5.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 509.91 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.46 น. โดยเปิดตลาดที่ 34.25 บาท
บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) หรือ UOBKH ระบุว่า ราคาหุ้น บมจ.บัตรกรุงไทย (KTC) ดิ่งแตะ Floor ที่ 29.75 บาท (ราคา Floor: -15%) ในช่วงเช้าวันนี้ เราได้ตรวจสอบกับทาง KTC แล้ว และได้รับการยืนยันว่า ไม่มีข่าวหรือปัจจัยพื้นฐานสำคัญใด ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป บริษัท KTC แจ้งว่าไม่ทราบสาเหตุที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงในวันนี้
สำหรับรายการ Big Lot หุ้น KTC จำนวน 1 ล้านหุ้นเช้านี้ที่ราคา 34.75 บาท ต่ำกว่าราคาปิดเมื่อวันศุกร์ที่ 35.00 บาท เพียงเล็กน้อย มูลค่ารวมของรายการนี้อยู่ที่ 34.75 ล้านบาท การประเมินเบื้องต้นของเราคือ รายการ Big Lot นี้มีแนวโน้มที่จะมีผลกระทบไม่มากนัก ต่อราคาหุ้น KTC โดยรวม เนื่องจากราคาที่ทำรายการไม่ได้แตกต่างจากราคาปิดก่อนหน้ามากนัก
ผลกระทบจากการถูกถอดออกจากดัชนี MSCI Global Index: แม้ว่าการ ถูกถอดออกจากดัชนี MSCI Global Index ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม 2568 อาจมีผลกระทบต่อราคาหุ้น KTC ในระยะปานกลางจากการไหลออกของเงินลงทุนจากกองทุน Passive Funds แต่เรา ไม่คิดว่านี่คือปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้ราคาหุ้นดิ่งลงอย่างรุนแรงในวันนี้ เนื่องจากตลาดได้รับทราบข่าวนี้และตอบรับไปแล้วตั้งแต่มีการประกาศ
มุมมองปัจจุบันและขั้นตอนต่อไป จากข้อมูลที่มีอยู่ สาเหตุของการปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญของราคาหุ้นในวันนี้ยังคง ไม่ชัดเจน ในมุมมองของปัจจัยพื้นฐาน ฝ่ายบริหารของ KTC เองก็ยืนยันว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เราจะยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อรอข้อมูลใหม่ ๆ หรือปัจจัยพื้นฐานที่อาจเกิดขึ้น
UOBKH ยังแนะ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 58 บาท
บล.เอสบีไอ ไทย ออนไลน์ มองว่า KTC รายงานกำไรสุทธิ Q1/68 เพิ่มขึ้น 3.2% YoY ที่ 1,861 ล้านบาท ตามการเติบโตของพอตสินเชื่อส่วนบุคคล รายได้ค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้น รวมถึงผลขาดทุนด้านเครดิตลดลง โดยรายได้รวมที่เพิ่มขึ้น 1.0% YoY อยู่ที่ 6,832 ล้านบาท ตามรายได้ดอกเบี้ยลูกหนี้สินเชื่อส่วนบุคคลที่ เติบโต 3.4% YoY สอดคล้องกับพอร์ตสินเชื่อส่วนบุคคลที่ขยายตัว
ประกอบกับรายได้ค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตที่ 1,656 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.25% YoY จากปริมาณธุรกรรม Interchange การเบิกถอนเงินสด และ รายได้ค่าธรรมเนียมร้านค้าสูงขึ้น ในส่วนของผลขาดทุนด้านเครดิตไตรมาสนี้ลดลง 5.3% YoYอยู่ที่ 1,594 ล้านบาท ตามแผนการควบคุมความเสี่ยงอย่างรัดกุมของบริษัท
แนวโน้มผลประกอบการ Q2/68 คาดจะยังสามารถเติบโตได้ YoY ในระดับ Low Single Digit หนุนด้วยการเติบโตพอร์ตลูกค้าบัตรเครดิต ตามกลยุทธ์การตลาดที่เน้นไปในกลุ่มสินค้าที่ตรงตามความต้องการของกลุ่มลูกค้า ,การควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ให้ตัวเลข NPLต่ากว่าระดับ 2% คาดจะยังทาได้ตามเป้าหมาย และ รายได้จากค่าธรรมเนียมคาดฟื้นตัวตามปริมาณใช้จ่ายบัตรเครดิตที่เพิ่มขึ้น
บริษัทมองภาวะเศรษฐกิจไทยมีการเติบโตไม่ได้เป็นไปตามที่คาด ซึ่งส่งผลกระทบต่อการทาธุรกิจโดยรวม แต่บริษัทยังมีการเติบโตที่ดีกว่าตลาดหนุนด้วยการจัดทำโปรโมชั่นกับพันธมิตรทางธุรกิจที่ตรงตามความต้องการของกลุ่มลูกค้า โดยคงคาดกำไรสุทธิ ปี 68 มากกว่า 7,437 ล้านบาท, อัตราเติบโตของการใช้จ่ายผ่านบัตรที่ 10% ,พอร์ตสินเชื่อรวมขยายตัวประมาณ 4-5% และหนี้ที่มิก่อให้เกิดรายได้(NPL) รวมไม่เกิน 2%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 มิ.ย. 68)