MEDEZE ร่วมมือ สธ.เปิด ATMPs Sandbox ในกทม.นำร่องโรคข้อเข่าเสื่อม

นายแพทย์เอนก มุ่งอ้อมกลาง รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า สธ. เตรียมปรับปรุงอาคารศูนย์การแพทย์บางรัก เพื่อจัดตั้งสำนักงานศูนย์กลางโครงการ Advanced Therapy Medicinal Products Sandbox (ATMPs Sandbox) ร่วมกับบมจ.เมดีซ กรุ๊ป [MEDEZE] เพื่อพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ขั้นสูง สำหรับการรักษาเชิงลึกแบบเฉพาะบุคคล นำร่องด้วยโรคข้อเข่าเสื่อม โดยแคนดิเดตที่ผ่านการคัดเลือกจะสามารถรับการรักษาได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

สธ. จะได้รับความช่วยเหลือเบื้องต้นจาก MEDEZE สำหรับการเตรียมความพร้อมของสถานที่ โดยจะมีทั้งในส่วนคลินิกให้บริการ ซึ่งจะปรับปรุงจากศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด-19 เดิมที่ปัจจุบันไม่ได้มีการใช้งานแล้ว รวมถึงห้องปฏิบัติการ เพื่อดำเนินงานวิจัยและติดตามประสิทธิภาพของการทดลอง คาดว่าจะปรับปรุงเสร็จภายใน 2 เดือน พร้อมเปิดเผยรายละเอียดและเกณฑ์สำหรับผู้ที่สามารถเข้าร่วมรักษาได้หลังจากนั้นภายใน 1 เดือน ซึ่งจะต้องผ่านมาตรฐานของคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ของสธ. อย่างเคร่งครัด และทำตามกฎ First Come, First Served ถ้าหากผ่านเกณฑ์

การให้บริการและงานวิจัยอยู่ภายให้การดำเนินการของสธ. เป็นเพียงผู้เดียว เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมสำหรับภาคเอกชน ก็จะมีการแถลงข่าวเมื่อมีการค้นพบในทุกงานวิจัยอีกด้วย อีกหนึ่งเหตุผลหลักสำหรับการจัดตั้งศูนย์กลางโครงการขึ้นมานั้น ในฐานะ Sandbox คือการเป็นแลนด์มาร์กต้นแบบให้ผู้ที่สนใจที่ดำเนินงานด้านนี้ โดยจะสามารถเข้ามาดูการทำงานและสถานที่ และนำไปใช้ต่อได้ ทั้งในเรื่องการออกแบบ เทคโนโลยี และความรู้โนว์ฮาว ซึ่งจะมีการจัดอบรมหลักสูตรสำหรับบุคลากรให้ด้วย

ด้าน MEDEZE เองก็จะได้รับผลประโยชน์จากงานวิจัย ที่จะสามารถนำไปขึ้นทะเบียนยาได้ ถ้าหากผลิตภัณฑ์ได้รับการยืนยันความปลอดภัยจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แล้ว และโครงนี้ก็จะสร้างกระแสการรักษาโรคต่าง ๆ เป็นหลัก ที่บริษัทฯ สามารถใช้ความเชี่ยวชาญเรื่องสเต็มเซลล์มาช่วยรักษาได้

สธ. เน้นย้ำถึงจริยธรรมและความปลอดภัยที่จะต้องเกิดขึ้นในโครงการ ทำให้งานวิจัยนำร่องแรก ๆ จะต้องอ้างอิงจากผลวิจัยของต่างประเทศที่สำเร็จมาก่อน และพิสูจน์ความปลอดภัยในการใช้งานจริงมาแล้ว โดยการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมเบื้องต้น ก็จะใช้การเก็บเซลล์ไขมันของผู้รักษาเอง ซึ่งจะมีความปลอดภัยกว่ามาก และถ้าโครงการสามารถทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ในไทยได้ ก็จะช่วยลดค่าใช้จ่ายการผ่าตัดข้อเข่าสำหรับผู้ป่วย และลดการนำเข้าผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์จากต่างประเทศของภาครัฐและเอกชน

นายแพทย์วีรพล เขมะรังสรรค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MEDEZE กล่าวว่า โครงการได้วางเป้างานวิจัยปีละ 2 โรค และขึ้นทะเบียนยาประมาณอย่างน้อย 2-3 โรคต่อปี โดยตอนนี้ก็ได้อยู่ระหว่างการยื่นพิจารณาการรักษาโรคผิวหนังและการชะลอวัย โรคไตวายอยู่ด้วย ส่วนในอนาคต ก็ได้มองถึงการวิจัยผลิตภัณฑ์สำหรับโรคภูมิตัวเอง (SLE) โรคสะเก็ดเงิน และโรคตับแข็ง โดยทุกโรคที่เกี่ยวข้องกับการเสื่อมสภาพ อักเสบ และภูมิแพ้ สามารถใช้การรักษาด้วยสเต็มเซลล์ได้ทั้งหมด

ความร่วมมือของภาครัฐและเอกชนในครั้งนี้ก็จะมีลงนาม MOA กันในเร็ว ๆ นี้ โดยจะมีการแถลงให้ทราบถึงความชัดเจนของข้อตกลงอีกที ณ ขณะนี้ ร่างสัญญากำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาโดยภาครัฐ ซึ่งจะเป็นผู้ควบคุมการดำเนินงาน และตรวจสอบไม่ให้เกิดผลขัดแย้งในด้านผลประโยชน์ และผลเสียต่อประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมถึงกำหนดกรอบระยะเวลาอย่างชัดเจนเพื่อเพิ่มความมั่นใจถึงมีส่วนร่วมตามมอบหมายของภาคเอกชน

เมื่อประเทศไทยสามารถพัฒนายาและนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ขั้นสูงใหม่ ๆ ได้มาเป็นจำนวนมาก ก็จะทำให้ราคาถูกลง จากการแข่งขันและความจำเป็นในการนำเข้าที่ลดลง ซึ่งนอกเหนือจากประโยชน์ที่คนไทยจะรับแล้ว ความสำเร็จที่คาดไว้ก็จะตอบโจทย์นโยบายภาครัฐในการกระตุ้นให้ไทยเป็นศูนย์กลางการรักษาสุขภาพในภูมิภาค ดึงดูดนักท่องเที่ยวในด้าน Medical Tourism เข้าประเทศ โดยศูนย์การแพทย์บางรักเองก็จะเป็นหน้าเป็นตาให้กับนวัตกรรมการรักษาใหม่ ๆ ของประเทศได้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 มิ.ย. 68)

Tags: , , ,