นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สามารถเทลคอม [SAMTEL] เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่ม ณ สิ้นเดือน พ.ค.เติบโตเป็นที่น่าพอใจ โดยมีการเซ็นสัญญาและชนะงานใหม่ไปแล้วรวมกว่า 4,000 ล้านบาท อาทิ โครงการที่ดำเนินการกับ บมจ.ท่าอากาศยานไทย, บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เป็นต้น รวมมูลค่างานในมือรอการรับรู้ประมาณ 7,500 ล้านบาท
เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มการลงทุนอย่างต่อเนื่องของภาครัฐในด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และ ICT บริษัทคาดว่าต่อจากนี้จะยังคงมีโอกาสได้งานเพิ่มเติมต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าได้งานใหม่เพิ่มอีกกว่า 6,000 ล้านบาทในช่วงที่เหลือของปีนี้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีโอกาสเซ็นสัญญางานใหม่ทะลุ 1 หมื่นล้านบาท นับเป็นสถิติสูงสุดในรอบ 5 ปี
ในส่วนของรายได้คาดว่ารวมทั้งปีจะทะลุ 6,500 ล้านบาท ประกอบด้วย ฐานรายได้ประจำสม่ำเสมอ (Recurring Income) สูงสุดแตะ 44% เป็นสถิติสัดส่วนรายได้ประจำสูงสุดนับตั้งแต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ในช่วงไตรมาส 2/68 บริษัทได้รับการปรับเพิ่มระดับเครดิตจากเดิม BBB เป็น BBB+ จากทริส เรทติ้ง สะท้อนแนวโน้มการประกอบธุรกิจที่ดี และมั่นคงยิ่งขึ้น สอดคล้องกับทิศทางการเติบโตของบริษัท และแนวโน้มการลงทุนที่เติบโตต่อเนื่องของอุตสาหกรรม
จากนโยบายของภาครัฐที่สนับสนุนการขับเคลื่อนองค์กรด้วยเทคโนโลยี เพื่อรองรับเศรษฐกิจดิจิทัล องค์กรต่าง ๆ ที่ต้องเร่งปรับตัวสู่การเป็นองค์กรดิจิทัล จำเป็นต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก ในการเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสม และสรรหาบุคลากรที่มีความชำนาญ
ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการให้บริการด้านเทคโนโลยีกับองค์กรขนาดใหญ่ทั้งภาครัฐและเอกชนมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน บริษัทฯจึงเล็งเห็นโอกาสในการนำเสนอบริการ Outsourcing Services แบบครบวงจร (One Stop Service) เพื่อสนับสนุนให้องค์กรสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัยได้อย่างรวดเร็ว พร้อมลดภาระด้านการลงทุน และเพิ่มความยืดหยุ่นในการดำเนินงาน โดยร่วมมือกับพันธมิตรเทคโนโลยีระดับโลก พร้อมส่งมอบบริการครบวงจรให้แก่ลูกค้าในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การออกแบบ (Design) การติดตั้งและพัฒนา (Implement) การดำเนินงาน (Operate) ไปจนถึงการบำรุงรักษา (Maintenance)
พร้อมตอบโจทย์ด้วยบริการด้านเทคโนโลยีที่หลากหลายครอบคลุมทุกภาคอุตสาหกรรม ได้แก่ โซลูชันการพิมพ์ป้องกันการปลอมแปลง, โซลูชันด้านการระวังความปลอดภัยทั้งในเชิงกายภาพ และความปลอดภัยทางไซเบอร์, โซลูชันด้านการเงิน การธนาคาร, โซลูชันที่อำนวยความสะดวกในภาคขนส่ง ตลอดจนโซลูชันที่ช่วยภาครัฐในการจัดเก็บค่าธรรมเนียมและภาษี เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีแผนขยายตลาดของบริการระบบ ERP ที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ ไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ นอกเหนือจากกลุ่มสาธารณูปโภคเดิม เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของรายได้ประจำ อีกทั้งบริษัทยังมุ่งพัฒนาโซลูชันด้านสิ่งแวดล้อม และพลังงานสะอาด รองรับเทรนด์ความยั่งยืน (Sustainability) โดยมีแผนดำเนินโครงการภายใต้รูปแบบ Power Purchasing Agreement (PPA) เพื่อจัดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ รวมถึงการดำเนินโครงการระบบเฝ้าระวังและเตือนภัยมลพิษระยะไกล (Remote Pollution Monitoring & Early Warning System) ที่ได้ดำเนินการให้กับการนิคมอุตสาหกรรรมอีกด้วย
“นอกจากมาตรฐานด้านเทคโนโลยีและการให้บริการระดับโลกที่เราให้ความสำคัญแล้ว กลุ่มบริษัทสามารถเทลคอม ยังได้วางแนวทางการดำเนินธุรกิจ “Leading to Sustainable future” เพื่อเตรียมรับทิศทางการเปลี่ยนแปลงการดำเนินธุรกิจแบบยั่งยื่น โดยมุ่งมั่นพัฒนา และนำเสนอโซลูชัน และบริการที่ดีเลิศ พร้อมตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจร ควบคู่กับการใส่ใจสังคม สิ่งแวดล้อม เพื่อเพื่อสนับสนุนองค์กรสู่อนาคตอย่างยั่งยืน” นายวัฒน์ชัย กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 มิ.ย. 68)