TEGH ยืนไฟลื่ง “ไทยอีสเทิร์น ไบโอ พาวเวอร์” ขาย IPO 90 ล้านหุ้นเข้า mai ใช้ขยายกำลังผลิต-คืนเงินกู้

บมจ.ไทยอีสเทิร์น ไบโอ พาวเวอร์ [TEBP] ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 90 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท คิดเป็น 30% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO โดยแบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 75 ล้านหุ้น และจากผู้ถือหุ้นเดิม คือ บมจ.ไทยอีสเทริร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ [TEGH] เสนอขายหุ้นสามัญเดิมจำนวน 15 ล้านหุ้น และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยมี บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

วัตถุประสงค์การใช้เงิน 1) ลงทุนในโครงการขยายกำลังการผลิตก๊าซชีวภาพและการบริหารจัดการกากของเสียอินทรีย์ และ/หรือการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับการปรับปรุงกระบวนการผลิต และ/หรือการพัฒนาสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจปัจจุบันของบริษัทฯ 2) ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินและ/หรือเงินกู้ยืมจากบริษัทใหญ่ และ 3) เป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในบริษัทฯ

TEBP เป็นผู้ให้บริการรับกำจัดกากอินทรีย์อย่างครบวงจร ซึ่งสามารถต่อยอดนำกากอินทรีย์มาเข้าสู่กระบวนการผลิตเป็นก๊าซชีวภาพ (Biogas) ภายใต้แนวทาง “Waste to Energy” เพื่อนำมาใช้ทดแทนพลังงานความร้อนจากฟอสซิล และยังสามารถนำ ก๊าซชีวภาพส่วนหนึ่งไปผลิตเป็นพลังงานไฟฟ้า โดยเป็นรากฐานสำคัญของ “Thai Eastern Symbiosis Model” ซึ่งเป็นโมเดลธุรกิจต้นแบบของการบริหารจัดการทรัพยากรร่วมกันในภาคอุตสาหกรรม โดยใช้ของเสียจากกระบวนการหนึ่งมาเป็นทรัพยากรสำหรับอีกกระบวนการหนึ่ง ทำให้ลดความสูญเปล่า และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานอย่างบูรณาการ

ธุรกิจของบริษัทแบ่งออกเป็น 3 ประเภทธุรกิจ คือ

(1) ธุรกิจรับบริหารจัดการกากอินทรีย์ (Organic Waste Management หรือ “OWM”) โดยให้บริการรับกำจัดและบริหารจัดการกากอินทรีย์และวัสดุเหลือใช้จากอุตสาหกรรมประเภทที่สามารถย่อยสลายได้ด้วยจุลินทรีย์ ทั้งในรูปแบบของแข็ง (Solid Organic Waste) และของเหลว (Liquid Organic Waste) จากโรงงานอุตสาหกรรมหลากหลายประเภท เช่น อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมพลังงาน และสินค้าอุปโภคบริโภค เป็นต้น โดยการให้บริการของบริษัทฯ มีลักษณะเป็นระบบปิดที่ทันสมัย สามารถป้องกันไม่ให้เกิดการรั่วซึม อีกทั้งยังไร้กลิ่นและแมลงรบกวน และยังปลอดภัยต่อชุมชนโดยรอบ

(2) ธุรกิจผลิตและจำหน่ายก๊าซชีวภาพ (Biogas) บริษัทพัฒนากระบวนการย่อยสลายกากอินทรีย์ประสิทธิภาพสูงเพื่อต่อยอดไปสู่กระบวนการผลิตก๊าซชีวภาพ ซึ่งสามารถนำไปใช้ทดแทนเชื้อเพลิงประเภทต่างๆ เช่น น้ำมันเตา ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) หรือก๊าซธรรมชาติ เป็นต้น

(3) ธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ บริษัทนำก๊าซชีวภาพส่วนหนึ่งที่ผลิตได้มาผลิตเป็นพลังงานไฟฟ้า เพื่อจำหน่ายให้แก่บริษัทในกลุ่มบริษัท ไทยอีสเทิร์น และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค

ในอนาคตบริษัทฯ มีเป้าหมายในการขยายการให้บริการในรูปแบบ “Bio Energy as a Service” ไปยังภาคอุตสาหกรรมทั่วประเทศ เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการในห่วงโซ่อุตสาหกรรมให้สามารถเปลี่ยนผ่านสู่ระบบพลังงานสะอาด ลดการพึ่งพาพลังงานจากฟอสซิล และลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในภาพรวมขององค์กร อันจะนำไปสู่การยกระดับอุตสาหกรรมไทยให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลกภายใต้เงื่อนไขด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนที่เข้มข้นมากขึ้น

บริษัทยังมีแผนพัฒนาการให้บริการ ผลิตภัณฑ์ ตลอดจนกระบวนการผลิต เพื่อต่อยอดไปยังผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ณ ปัจจุบัน บริษัทฯ มีโครงการ และผลิตภัณฑ์ที่อยู่ระหว่างการวิจัยและพัฒนา ได้แก่ 1.Soil Regenerative Material (เพิ่มเติมสูตร) วัสดุปรับปรุงดินเชิงชีวภาพและดินอินทรีย์ที่ได้จากท้ายกระบวนการผลิตก๊าซชีวภาพ 2. Bio-Petrochemical และ 3. Compressed Bio-methane Gas (CBG)ก๊าซไบโอมีเทนอัด เป็นพลังงานทางเลือกที่ได้จากการนำก๊าซชีวภาพมาผ่านกระบวนการปรับคุณภาพ เพื่อกำจัดก๊าซอื่นๆ (เช่น CO₂, H₂S) ให้เหลือ “ก๊าซมีเทน” (CH₄) บริสุทธิ์สูง

โครงสร้างรายได้ปัจจุบัน ได้แก่ 1) รายได้จากธุรกิจรับบริหารจัดการกากอินทรีย์ 2) รายได้จากธุรกิจผลิตและจำหน่ายก๊าซชีวภาพ 3)รายได้จากธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ 4.) รายได้จากการบริการดูแลระบบบำบัดน้ำเสีย และ 5.)รายได้อื่น

ณ วันที่ 30 เม.ย.68 โครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้แก่ TEGH ถือหุ้นใหญ่ 99.92% หลังเสนอขายหุ้น IPO จะลดลงเหลือ 69.94% ครอบครัวโกกนุทาภรณ์ ถือ 0.08% หลังเสนอขาย เพิ่มเป็น 0.40% ภายใต้สมมติฐานว่านายสมชาย โกกนุทาภรณ์ นางกัลยา โกกนุทาภรณ์ ใช้สิทธิซือหุ้น TEBP ที่จัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นของ TEGH และนายเฉลิม โกกนุทาภรณ์ ใช้สิทธิซือหุ้นทีจัดสรรให้กับ 1) ผู้ถือหุ้นของ TEGH และ 2) กรรมการ ผู้บริหาร และ/หรือพนักงานของบริษัท

ผลการดำเนินงานในปี 2565-2567 มีรายได้จากการขายและให้บริการ อยู่ที่ 188.41 ลบ. 221.28 ลบ.และ 251.01 ตามลำดับ ซึ่งรายได้มีแนวโน้มทีเพิ่มขึ้น โดยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากธุรกิจรับบริหารจัดการกากอินทรีย์และรายได้จากธุรกิจผลิตและจำหน่ายก๊าซชีวภาพ ขณะที่กำไรสุทธิ อยู่ที่ 24.76 ลบ. 76.90 ลบ. และ 68.35 ลบ.ตามลำดับ

ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทในแต่ละปีหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทที่กฎหมายกำหนด

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 พ.ค. 68)

Tags: , , , ,