นายจิระพงษ์ สันติภิรมย์กุล รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง [TKN] เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับเพิ่มอัตรารเติบโตของรายได้ในปีนี้เป็น 15-20% สำหรับตลาดในประเทศ จากเดิมที่ตั้งไว้เมื่อต้นปีที่ 10% หลังจากปรับกลยุทธ์ใหม่ ๆ พร้อมทั้งราคาต้นทุนสาหร่ายที่ลดไปในบ้างแล้ว ในขณะที่ตลาดต่างประเทศ อาจจะปรับลงมาจาก 10% เป็น 5-7% จากการแข่งขันและปัญหาเศรษฐกิจโลก
นายวชิระ ญาณทัศนกิจ ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มงานการค้าต่างประเทศ TKN เปิดเผยว่า ตลาดส่งออกในไตรมาส 1/68 อยู่ในช่วงท้าทาย และแคมเปญสินค้าตามเทศกาลต่าง ๆ เช่น ตรุษจีน ขายได้ช้ากว่าที่คาดไว้ ทำให้ต้องรีบจัดโปรโมชั่นเอาสินค้าออกให้เร็วก่อนจะล้าสมัย จึงกระทบต่อรายได้บางส่วน
แต่ขณะนี้บริษัทได้มีกลยุทธ์ตอบโต้ในตลาดประเทศจีนแล้ว โดยเริ่มเจรจากับคู่ค้าใหม่ ๆ รวมทั้งเจรจากับผู้จำหน่ายหลักรายเดิมถึงการรับมือกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ปัจจุบัน อยู่ระหว่างการเจรจากับธุรกิจร้านค้าส่งที่เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ทั้ง Costco และ Sam’s Club เพื่อให้มีสินค้าของ “เถ้าแก่น้อย” อยู่บนชั้นวาง คาดว่าน่าจะเห็นความชัดเจนในไตรมาส 2/68 หรือ 3/68 นี้
รวมถึงบริษัทจะทยอยออกสินค้าใหม่ ๆ มาสร้างความแตกต่างในด้านนวัตกรรม เมื่อการแข่งขันทางราคาค่อนข้างดุเดือด หลังจากรัฐบาลจีนมีมาตรการสนับสนุนการผลิตสินค้าในประเทศ ซึ่งทาง TKN เองก็กำลังมองหาโอกาสในการผลิตสินค้าในจีนด้วยเพื่อคงความเป็นอันดับหนึ่งของแบรนด์นอกประเทศ
ปัจจุบัน ยังเห็นแนวโน้มตลาดยุโรปและออสเตรเลียเติบโตขึ้นด้วย มองว่าเป็นความน่าตื่นเต้นให้กับบริษัทฯ ซึ่งก็ได้เห็นยอดคำสั่งซื้อโตขึ้นมาแล้ว โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศที่เมื่อก่อนไม่สามารถเจาะตลาดได้มาก เช่น แถบสแกนดิเนเวีย และยุโรปตะวันออก
ส่วนตลาดภายในประเทศ นายวรพงศ์ เกียรติดำรงวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มงานบริหารรายได้ TKN กล่าวว่า บริษัทฯ ยังมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนตลาดอยู่ต่อเนื่องในฐานะผู้นำ และได้มีการปรับตัวอยู่ตลอด โดยเฉพาะเรื่องราคาต้นทุนที่สูงขึ้น ล่าสุด ได้พยายามทุกวิถีทางที่จะปรับลดต้นทุน เช่น เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์จากกล่องเป็นถุงเพื่อตรึงราคาสินค้ากลุ่ม 5 บาทไว้ให้กับกลุ่มผู้บริโภคที่อ่อนไหวต่อการขึ้นราคา
ในไตรมาส 1/68 ถึงแม้จะมีรายได้จากการขายและกำไรสุทธิลดลงไป แต่ตลาดในประเทศก็ยังเติบโตเชิงบวกถึง 16.4% รวมถึงกลุ่มลูกค้าสุขภาพที่เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากมุมมองที่ดีต่อสินค้าสาหร่ายในด้านสุขภาพ ทำให้สินค้าประเภทสาหร่ายอบมีอัตราเติบโตสูงมาก
นายจิระพงษ์ เปิดเผยว่า ในปี 67 สาหร่ายมีราคาที่สูงขึ้นจากปีก่อนหน้าประมาณ 50% จากผลกระทบภาวะเอลนีโญ กระทบกับผู้ผลิตวัตถุดิบสาหร่ายทั้งในจีนและญี่ปุ่น ทำให้ดีมานด์ไหลเข้าสู่ประเทศเกาหลีใต้เป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นแหล่งวัตถุดิบสาหร่ายสำคัญของเถ้าแก่น้อย แต่ภายในเกาหลีใต้เองยังมีเรื่องข้อพิพาทเรื่องพื้นที่ปลูกสาหร่าย ซึ่งเมื่อต้นปีที่ผ่านมา รัฐบาลเกาหลีใต้ก็ได้เข้ามาแก้ปัญหาในส่วนนี้ด้วยการเพิ่มพื้นที่เพาะปลูก เป็นผลให้เกาหลีใต้เข้าสู่ช่วง new high ของปริมาณการผลิตสาหร่าย แม้ว่าราคาขายจะไม่ได้ลงมามากนัก เพราะดีมานยังสูง แต่ราคาที่ TKN ซื้อจะลดลงประมาณ 10-12% เมื่อเทียบกับปีแล้ว มีโอกาสที่ตอนนี้จะเป็นบรรทัดฐานราคาใหม่ คงไม่กลับไปสูงเหมือนในช่วงปี 65-66 แล้ว และขณะนี้บริษัทสามารถหาวัตถุดิบสาหร่ายในราคาที่ถูกลงเพียงพอต่อเป้าหมายยอดขายปี 68 ได้เรียบร้อยแล้ว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 พ.ค. 68)
Tags: TKN, จิระพงษ์ สันติภิรมย์กุล, หุ้นไทย, เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง