TRIS คงอันดับเครดิตองค์กร TURBO ที่ “BBB-” แนวโน้ม Stable

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บมจ.เงินเทอร์โบ ที่ระดับ “BBB-” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงการที่บริษัทมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่ง มีแหล่งเงินทุนที่เพียงพอ มีสภาพคล่องที่ดี รวมทั้งมีสถานะทางธุรกิจระดับ ปานกลางในตลาดสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน (Auto Title Loan)

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสนับสนุนเหล่านี้ก็มีข้อจำกัดเนื่องจากทริสเรทติ้งมีความกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการสร้างผลกำไรที่อ่อนแอลงของบริษัทซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากต้นทุนการดำเนินงานที่สูงและความเสี่ยงด้านเครดิตเพิ่มขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ทั้งนี้ การแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถ อาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัทมากยิ่งขึ้นในอนาคต

ด้านสถานะเงินทุนที่แข็งแกร่งยังคงเป็นปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนสถานะเครดิตของบริษัท โดย ณ สิ้นปี 67 บริษัทมีอัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยง (RAC) อยู่ที่ระดับ 17.8% ซึ่งเป็นระดับที่ ทริสเรทติ้งเชื่อว่าเพียงพอที่จะสนับสนุนการขยายธุรกิจที่บริษัทวางแผนไว้

ทริสเรทติ้งคาดว่า RAC ของบริษัทจะยังคงอยู่ในระดับที่ “แข็งแกร่ง” ในระยะปานกลางโดยอยู่ภายใต้สมมติฐานที่การเติบโตของสินเชื่อจะอยู่ที่ระดับ 2%-3% และบริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลแบบระมัดระวัง ทั้งนี้ การเสนอขายหุ้นต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) ที่บริษัทวางแผนไว้น่าจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่สถานะเงินทุนและอาจเป็นผลกระทบในเชิงบวกต่ออันดับเครดิตของบริษัท

บริษัทยังคงรักษาระดับภาระหนี้สินทางการเงินไว้ในระดับที่ดีด้วยเช่นกัน โดยอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนที่ปรับปรุงแล้ว (ไม่รวมเงินกู้จากผู้ถือหุ้น) ของบริษัทอยู่ที่ 1.7 เท่า ณ เดือนธ.ค. 67 ซึ่งต่ำกว่าเงื่อนไขทางการเงินเป็นอย่างมาก

ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะยังคงมีส่วนแบ่งทางการตลาดในระดับปานกลางเมื่อเทียบกับคู่แข่งที่มีขนาดธุรกิจใหญ่กว่า เนื่องจากมาตรฐานการพิจารณาสินเชื่อที่เข้มงวดยิ่งขึ้นซึ่งมุ่งเน้นการควบคุมคุณภาพสินทรัพย์นั้น มีแนวโน้มที่จะทำให้บริษัทขยายพอร์ตสินเชื่ออย่างค่อยเป็นค่อยไปในระหว่างปี 68-70

โดย ณ เดือนธ.ค. 67 บริษัทรายงานยอดสินเชื่อคงค้างที่ระดับ 1.17 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งต่ำกว่าอัตราการเติบโตที่ระดับประมาณ 40% ในช่วงระหว่างปี 65-66 ทั้งนี้ การชะลอตัวนี้สอดคล้องกับแนวโน้มของอุตสาหกรรมและสะท้อนถึงการปรับกลยุทธ์การเติบโตที่เป็นแบบระมัดระวังมากขึ้น ซึ่งเห็นได้จากการชะลอการขยายสาขาของบริษัท

ทริสเรทติ้งคาดว่าการเติบโตของสินเชื่อของบริษัทจะยังคงอยู่ในระดับปานกลางที่ 2%-3% ต่อปีในช่วงปี 68-70 โดยผู้บริหารระบุว่าการเติบโตนี้จะมาจากประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นของสาขาเดิมเป็นหลัก ซึ่งในปี 67 สินเชื่อเฉลี่ยต่อสาขาของบริษัทอยู่ที่ประมาณ 11 ล้านบาท โดยบริษัทมีแผนจะเพิ่มเป็น 12-13 ล้านบาทในช่วง 3 ปีข้างหน้า

คุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทในปี 67 อ่อนแอลงมากกว่าการคาดการณ์ของทริสเรทติ้ง ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารอื่น ๆ ที่ได้รับการจัดอันดับเครดิต โดยอัตราการเพิ่มขึ้นของลูกหนี้ด้อยคุณภาพ (NPL Formation) เพิ่มสูงขึ้นเป็น 6.9% ของสินเชื่อเฉลี่ยในปี 67 จาก 4.7% ในปี 66 และอัตราส่วนลูกหนี้ด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้นเป็น 4.2% ณ สิ้นปี 67 จาก 3.1% ณ สิ้นปี 66 นอกจากนี้ การขาดทุนจากการขายรถยนต์ที่ยึดคืนซึ่งเกิดจากการลดลงของราคารถยนต์มือสองตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 2566 ยังมีส่วนทำให้ค่าใช้จ่ายด้านเครดิตเพิ่มสูงขึ้นอีกด้วย

บริษัทได้แก้ไขปัญหาลูกหนี้ด้อยคุณภาพที่เพิ่มขึ้นด้วยการเร่งตัดหนี้สูญ ซึ่งส่งผลทำให้อัตราส่วนการตัดหนี้สูญต่อสินทรัพย์เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 6.9% ในปี 67 เพิ่มขึ้นจาก 3.3% ในปี 66 การตัดหนี้สูญทำให้ค่าใช้จ่ายด้านเครดิตเพิ่มสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 6.8% เมื่อเทียบกับระดับ 5.5% ในปี 66 โดยอัตราส่วนสำรองต่อลูกหนี้ด้อยคุณภาพยังคงแข็งแกร่งที่ระดับ 114% ณ สิ้นปี 67

แม้จะมีแรงกดดันจากความเสี่ยงด้านเครดิตที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ก็เริ่มเห็นสัญญาณการปรับตัวที่ดีขึ้นในไตรมาส 1/68 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากนโยบายการให้สินเชื่อที่มีความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น ซึ่งบริษัทนำมาใช้ในปี 67 ทริสเรทติ้งคาดว่าคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทจะค่อยๆฟื้นตัวในช่วงระหว่างปี 68-70 โดยได้รับแรงหนุนจากมาตรฐานการพิจารณาสินเชื่อที่เข้มงวดอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการจัดเก็บหนี้ในเชิงรุก และการเร่งตัดหนี้สูญของลูกหนี้ด้อยคุณภาพ

กลยุทธ์ของบริษัทสำหรับปี 68 เน้นไปในด้านการจัดการระบบการเก็บหนี้ใหม่ รวมไปถึงการควบคุมสินเชื่อที่เข้มงวดขึ้น เช่น การใช้เกณฑ์อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV) ที่ต่ำกว่าเดิม เกณฑ์การตัดคะแนนเครดิตที่ละเอียดมากขึ้น และการตรวจสอบตัวตนของผู้กู้ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ภายใต้สมมติฐานที่อัตราการเพิ่มขึ้นของลูกหนี้ด้อยคุณภาพและการตัดหนี้สูญจะอยู่ที่ระดับ 5%-6% ของสินเชื่อเฉลี่ยในช่วงปี 68-70 อัตราส่วนลูกหนี้ด้อยคุณภาพคาดว่าน่าจะยังคงอยู่ในระดับเป้าหมายที่ต่ำกว่า 5% และค่าใช้จ่ายด้านเครดิตในช่วงเวลาเดียวกันก็คาดว่าจะอยู่ในระดับเป้าหมายเช่นกัน จากสมมติฐานดังกล่าว อัตราส่วนสำรองต่อลูกหนี้ด้อยคุณภาพของบริษัทคาดว่าจะยังแข็งแกร่ง โดยอยู่ในระดับที่สูงกว่า 100% ซึ่งสอดคล้องกับคู่แข่งในอุตสาหกรรม

ความสามารถในการสร้างผลกำไรของบริษัทยังคงอยู่ในระดับ “ปานกลาง” แม้จะมีผลการดำเนินงานที่อ่อนแอลงในช่วงปี 66-67 ทั้งนี้ อัตราส่วนกำไรก่อนหักภาษีต่อสินทรัพย์เสี่ยงเฉลี่ย (EBT/ARWA) ของบริษัทปรับลดเหลือ 1.4% ในปี 66 และลดลงต่อเนื่องมาอยู่ที่ 1.2% ในปี 67 ซึ่งลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากระดับ 5.7-6.2% ในระหว่างปี 64-65 การปรับตัวลดลงนี้ส่วนใหญ่เกิดจากค่าใช้จ่ายด้านเครดิตที่เพิ่มขึ้นอันเนื่องมาจากคุณภาพสินทรัพย์ที่เสื่อมถอยลงในช่วงเวลาดังกล่าว

บริษัทรายงานกำไรสุทธิที่จำนวน 142 ล้านบาทในปี 67 เพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งการปรับตัวที่ดีขึ้นนี้มีปัจจัยสนับสนุนจากการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ของสัดส่วนพอร์ตสินเชื่อไปสู่สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์หรือสินเชื่อที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ซึ่งให้ผลตอบแทนสูงกว่าสินเชื่อทะเบียนรถ ส่งผลให้บริษัทมีอัตราผลตอบแทนจากสินเชื่อเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 23.3% ในปี 67 จาก 22.2% ในปี 66 ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 67 พอร์ตสินเชื่อของบริษัทประกอบด้วยสินเชื่อทะเบียนรถ 80% สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ 19% และสินเชื่ออื่นๆอีก 1%

อย่างไรก็ตามอัตราผลตอบแทนจากเงินให้สินเชื่อที่สูงขึ้นถูกหักล้างบางส่วนด้วยต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 4.6% ในปี 67 จากระดับ 4.1% ในปีก่อนหน้า ซึ่งส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเพียง 40 จุด (Basis Points – bps) เป็น 18.6% ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้รวมปรับตัวดีขึ้น โดยลดลงมาอยู่ที่ระดับ 54.6% ในปี 67 จากระดับ 59.6% ในปี 66 ส่วนใหญ่มาจากผลของการขยายสาขาที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยในปี 67 บริษัทเปิดสาขาใหม่เพียง 6 แห่งเมื่อเทียบกับจำนวน 252 แห่งที่เปิดในปี 66

ในอนาคตคาดว่าการควบคุมต้นทุนและการจัดการความเสี่ยงด้านเครดิตที่มีประสิทธิภาพจะมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อการฟื้นตัวของกำไร ทริสเรทติ้งคาดว่า EBT/ARWA ของบริษัทจะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 3% ภายในปี 70 ซึ่งเป็นระดับกำไรที่ยังคงช่วยสนับสนุนอันดับเครดิตในปัจจุบันของบริษัทเอาไว้ได้ ซึ่งอัตราส่วนดังกล่าวนี้อยู่บนพื้นฐานของสมมติฐานว่าส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของบริษัทจะอยู่ที่ระดับประมาณ 18%-19% และค่าใช้จ่ายด้านเครดิตจะอยู่ที่ระดับประมาณ 5-6% นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดว่าประสิทธิภาพการดำเนินงานของบริษัทน่าจะปรับตัวดีขึ้นอีกด้วย โดยอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้คาดว่าจะลดลงเหลือประมาณ 50% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า ในขณะเดียวกัน บริษัทยังมีแผนจะเพิ่มรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยให้มากขึ้นด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากเบี้ยประกันภัยที่จะเสนอให้แก่ทั้งลูกค้าสินเชื่อและลูกค้าที่ไม่ได้ใช้บริการสินเชื่อ

สถานะเงินทุนของบริษัทยังคงอยู่ในระดับ “ปานกลาง” แม้ว่าบริษัทจะมีการปรับปรุงโครงสร้างเงินทุนและสามารถเข้าถึงวงเงินสินเชื่อจำนวนมากก็ตาม สัดส่วนหนี้ระยะยาวซึ่งประกอบด้วยวงเงินสินเชื่อระยะยาวจากธนาคารและการออกหุ้นกู้นั้นเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและปัจจุบันมีสัดส่วนคิดเป็น 58% ของการกู้ยืมทั้งหมด โดยเพิ่มขึ้นจาก 55% ในปีก่อนหน้า ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 67 บริษัทได้รับวงเงินสินเชื่อรวมทั้งสิ้นจำนวน 1.09 หมื่นล้านบาทจากสถาบันการเงินต่างๆ โดยมีวงเงินมากกว่า 1.2 พันล้านบาทหรือ 11% ที่ยังสามารถเบิกถอนได้

อย่างไรก็ตามเนื่องจากวงเงินสินเชื่อของบริษัทจำเป็นต้องใช้พอร์ตลูกหนี้ค้ำประกัน ทริสเรทติ้งจึงมองว่าเป็นข้อจำกัดต่อความสามารถในการขอวงเงินสินเชื่อเพิ่มเติมภายใต้ภาวะกดดันทางการเงิน นอกจากนี้ อัตราส่วนหนี้สินที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนของบริษัทก็อยู่ในระดับสูงที่ 73% ณ สิ้นปี 67

สถานะสภาพคล่องที่ “เพียงพอ” ของบริษัทมีปัจจัยสนับสนุนจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและการมีความสัมพันธ์ที่มั่นคงกับธนาคารพาณิชย์ ทั้งนี้ ในช่วงระยะ 12 เดือนนับตั้งแต่เดือนม.ค.-ธ.ค.68 บริษัทคาดการณ์กระแสเงินสดไหลเข้าอยู่ที่ราว 6 พันล้านบาทจากพอร์ตลูกหนี้ ซึ่งน่าเพียงพอที่จะรองรับภาระหนี้ที่จะครบกำหนดรวมจำนวน 2.8 พันล้านบาท โดยรวมแล้วคาดว่าสภาพคล่องของบริษัทจะยังคงเพียงพอ เมื่อเสริมด้วยวงเงินสินเชื่อที่มีอยู่ และนอกเหนือจากวงเงินสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์แล้ว บริษัทยังได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากผู้ถือหุ้นอีกด้วย ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 67 บริษัทมีเงินกู้ยืมคงค้างจากผู้ถือหุ้นจำนวน 2.1 พันล้านบาท

ในปี 66 ยอดคงค้างสินเชื่อรวมของผู้ประกอบการสินเชื่อทะเบียนรถภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 36% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม อัตราการเติบโตได้ชะลอตัวลงอย่างชัดเจนตั้งแต่ปี 67 โดย ณ สิ้นปี 67 ยอดสินเชื่อรวมของผู้ประกอบการสินเชื่อทะเบียนรถที่รายงานโดย ธปท. ขยายตัว 11% ตั้งแต่ต้นปีอันเป็นผลมาจากนโยบายการพิจารณาสินเชื่อที่เข้มงวดขึ้นของผู้ให้กู้

ด้วยการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ไม่สม่ำเสมอและความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้ที่อ่อนแอลง ทริสเรทติ้งคาดว่าการขยายสินเชื่อในปี 68 จะชะลอตัวลงจากปีก่อนๆ ในขณะเดียวกันผลการดำเนินงานทางการเงินของผู้ประกอบการสินเชื่อทะเบียนรถยังได้รับแรงกดดันจากการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงและคุณภาพสินทรัพย์ที่อ่อนแอลงซึ่งส่งผลทำให้ค่าใช้จ่ายด้านเครดิตเพิ่มสูงขึ้นและส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยแคบลง ซึ่งปัจจัยลบเหล่านี้น่าจะยังคงเป็นความท้าทายสำคัญที่ผู้ประกอบการสินเชื่อทะเบียนรถจะต้องเผชิญในระยะปานกลาง

สมมติฐานกรณีพื้นฐานของทริสเรทติ้งสำหรับการดำเนินงานของบริษัทในช่วงระหว่างปี 68-70 มีดังนี้

– สินเชื่อรวมคงค้างจะเติบโตในอัตรา 2%-3% ต่อปี

– ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ที่ระดับประมาณ 18%-19%

– ค่าใช้จ่ายด้านเครดิตจะอยู่ในช่วง 5%-6%

– อัตราส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้รวมจะอยู่ที่ระดับประมาณ 50%

โดยทริสเรทติ้งคงแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” ให้แก่บริษัทซึ่งสะท้อนความคาดหวังว่าบริษัทจะรักษาตำแหน่งทางการตลาดในปัจจุบัน ตลอดจนฐานทุนและผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้ นอกจากนี้ การพิจารณาแนวโน้มอันดับเครดิตยังคำนึงถึงสมมติฐานที่คาดว่าคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทจะยังคงอยู่ในวิสัยที่สามารถจัดการได้แม้จะมีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องก็ตาม

การปรับเพิ่มอันดับเครดิตหรือแนวโน้มอาจได้รับการพิจารณาหากบริษัทแสดงให้เห็นถึงการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ฐานทุนอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงยังคงอยู่ในระดับสูงเกินกว่า 25% ควบคู่ไปกับความสามารถในการสร้างผลกำไรที่ยั่งยืน ในทางกลับกัน อันดับเครดิตอาจเผชิญกับแรงกดดันในทางลบหากคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทเสื่อมถอยลงอย่างเห็นได้ชัดหรือผลการดำเนินงานของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมากจนทำให้อัตราส่วน EBT/ARWA ลดต่ำลงกว่าระดับ 1.5% หรืออัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงลดต่ำลงกว่าระดับ 15% เป็นระยะเวลานาน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 พ.ค. 68)

Tags: , , ,