หุ้นไทยปิดลบ 2.44 จุด Sell on Fact บจ.งบต่ำคาด จับตาเงินเฟ้อสหรัฐ-FETCO ถกคลัง

SET ปิดวันนี้ที่ 1,387.13 จุด ลดลง 2.44 จุด (-0.18%) มูลค่าซื้อขาย 46,157.93 ล้านบาท รับแรงขายหลังประกาศงบ Sell on fact โดยเฉพาะ บจ.งบต่ำคาด ส่วนวงหารือนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษาฯเรียกความเชื่อมั่นตลาดทุน แถลงย้ำว่าไม่มี Naked Short Sell ขณะที่รัฐมีแนวทางเรียกความเชื่อมั่นผ่านการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการจัดตั้ง ESG Fund แต่ยังต้องติดตามรายละเอียดต่อไป แนวโน้มพรุ่งนี้คาดตลาดยังผันผวนไร้ปัจจัยใหม่ เกาะติดเงินเฟ้อสหรัฐ และการหารือระหว่างกระทรวงการคลัง-FETCO รวมถึงงบ บจ.ที่เหลืออาจทำให้หุ้นรายตัวผันผวน ให้กรอบแนวรับ 1,380 จุดและแนวต้าน 1,400 จุด

SET ปิดวันนี้ที่ 1,387.13 จุด ลดลง 2.44 จุด (-0.18%) มูลค่าซื้อขาย 46,157.93 ล้านบาท

การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีปรับตัวลง โดยดัชนีทำจุดต่ำสุด 1,378.08 จุด ทำจุดสูงสุดที่ 1,392.54 จุด

ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้เพิ่มขึ้น 150 หลักทรัพย์ ลดลง 357 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 142 หลักทรัพย์

นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ติดลบเล็กน้อย ขณะที่ตลาดหุ้นภูมิภาควันนี้ค่อนข้างผสมผสาน โดยกลุ่มเอเชียเหนือปรับตัวขึ้นได้ดี แต่กลุ่ม TIP ทั้งอินโดนีเซีย ไทย และฟิลิปปินส์ อ่อนตัวลงมา

ตลาดหุ้นไทยได้รับแรงกดดันจาก Sell on fact หุ้นที่ประกาศงบไตรมาส 3/66 ออกมาต่ำกว่าตลาดคาด อาทิ COM7 ที่ร่วงลงไปถึง 16% และ JMT ลงไปกว่า 10%

ขณะที่วันนี้นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษาฯ หารือหน่วยงานตลาดทุน โดยแถลงออกมา 3 ประเด็น ประกอบด้วย การยืนยันข้อมูลว่าไม่มีการทำ Naked Short Sell ในตลาดหุ้นและจะยกระดับความเข้มข้นของมาตรการกำกับดูแลขึ้นอีก ส่วนภาครัฐจะเรียกความเชื่อมั่นผ่านการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ GDP โตตามที่หลายฝ่ายคาดหวัง และกระทรวงการคลังนัดหารือกับสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) ถึงแนวทางในการกระตุ้นตลาดทุน คาดว่าจะออกกองทุน ESG Fund ในรูปแบบการลงทุนระยะยาวคล้ายกับ LFT ที่มีมาตรการภาษีสนับสนุน ซึ่งต้องติดตามรายละเอียดต่อไป

แนวโน้มพรุ่งนี้คาดตลาดยังผันผวนเนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา นักลงทุนให้น้ำหนักไปที่การติดตามการตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ (14 พ.ย.) ขณะที่ในประเทศ ติดตามวงหารือกระทรวงการคลัง และ FETCO คาดว่าจะนำเสนอรูปแบบของกองทุนต่าง ๆ ที่จะมีขึ้นหลังจากที่ SSF จะหมดอายุมาตรการภาษีในปีหน้า หากมีมาตรการหรือรูปแบบกองทุนใหม่ ๆ เข้ามาอาจจะเป็น Sentiment เชิงบวก

นอกจากนั้น ยังเป็นช่วงสุดท้ายของการประกาศผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนอาจเห็นความผันผวนของหุ้นรายตัว

โดยให้กรอบแนวรับ 1,380 จุด และแนวต้าน 1,400 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์

BDMS มูลค่าการซื้อขาย 3,200.96 ล้านบาท ปิดที่ 25.25 บาท ลดลง 1.50 บาท

COM7 มูลค่าการซื้อขาย 2,603.87 ล้านบาท ปิดที่ 21.80 บาท ลดลง 4.20 บาท

JMT มูลค่าการซื้อขาย 2,376.83 ล้านบาท ปิดที่ 24.10 บาท ลดลง 2.90 บาท

BBL มูลค่าการซื้อขาย 2,199.26 ล้านบาท ปิดที่ 154.00 บาท ลดลง 3.00 บาท

JMART มูลค่าการซื้อขาย 1,783.95 ล้านบาท ปิดที่ 14.10 บาท ลดลง 1.20 บาท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 พ.ย. 66)

Tags: , ,