เงินบาทเปิด 32.92/95 อ่อนค่าจากวานนี้ หลังดอลลาร์แข็งค่า ให้กรอบวันนี้ 32.80-33.00

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 32.92/95 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 32.87 บาท/ดอลลาร์

ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยเมื่อคืนนี้ ตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานของสหรัฐฯ ออกมาสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ประกอบกับสถานการณ์โควิดระบาดทั่วโลกยังเป็นปัจจัยหลัก นักลงทุนส่วนใหญ่จึงนิยมถือทองคำและสกุลเงินดอลลาร์ เพราะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ยังปรับตัวลดลงอยู่ที่ระดับ 1.25%

“ดอลลาร์แข็งค่าหลังจากตัวเลขทางฝั่งสหรัฐฯ ออกมาแย่กว่าที่คาดไว้ รวมถึงยังมีความกังวลเรื่องโควิด-19 คนจึงหันมาถือทองคำและดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย”

นักบริหารเงินระบุ

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 32.80 – 33.00 บาท/ดอลลาร์ โดยข้อมูลเศรษฐกิจที่ต้องติดตามวันนี้คือ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของสหรัฐฯ

THAI BAHT FIX 3M (22 ก.ค.) อยู่ที่ระดับ 0.25600% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 0.27916%

ปัจจัยสำคัญ

  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 110.14/18 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 110.26 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1768/1780 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1795 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 32.851 บาท/ดอลลาร์
  • ติดตามการรายงานภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย (การส่งออก-นำเข้า) เดือนมิ.ย. 64 ของกระทรวงพาณิชย์ซึ่งคาดว่าการส่งออกไทยในเดือนมิ.ย. ยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่อง จากในเดือนพ.ค. ที่มูลค่าการส่งออกขยายตัวถึง 41.59%
  • ธนาคารกสิกรไทยปรับลดแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจไทยปี 2564 เหลือ 1% จากประมาณการเดิมเมื่อเดือนมิ.ย.ที่คาดว่าจะเติบโตได้ 1.8%
  • สภาอุตฯ ปรับประมาณการยอดผลิตรถยนต์เพิ่ม 5 หมื่น – 1 แสนคัน อยู่ที่ 1,550,000-1,600,000 คัน ตามเศรษฐกิจคู่ค้าที่กลับมาฟื้นตัว โดยยอดส่งออกอยู่ที่ 8-8.5 แสนคัน จากเดิม 7.5 แสนคัน ส่วนในประเทศยึดเป้าเดิม 7.5 แสนคัน
  • สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยวหรือ “แอตต้า” ชี้ว่ารัฐบาลต้องเร่งควบคุมการแพร่ระบาดระลอก 4 ให้เร็วที่สุด เพื่อเตรียมความพร้อมในการ “เปิดประเทศ” รับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว!
  • ที่ประชุม ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หรืออัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์และคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.50% อีกทั้งคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%
  • นอกจากนี้ ECB มีมติคงวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามโครงการ Pandemic Emergency Purchase Programme(PEPP) ที่ระดับ 1.85 ล้านล้านยูโร ซึ่ง ECB จะซื้อพันธบัตรตามโครงการดังกล่าวจนถึงเดือนมี.ค.2565 โดยจะซื้อพันธบัตรในวงเงิน2 หมื่นล้านยูโร/เดือน
  • สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (22 ก.ค.)หลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณคงอัตราดอกเบี้ยต่ำต่อไปอีก 2 ปี
  • กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 419,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค. จากระดับ 368,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 350,000 ราย
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (22 ก.ค.) โดยได้ปัจจัยบวกจากการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร
  • รัฐบาลสหรัฐ รวมทั้งการที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณคงดอกเบี้ยต่ำต่อไปอีก 2 ปี นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขคนว่างงานรายสัปดาห์ปรับตัวสูงขึ้น
  • สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองเพิ่มขึ้นเพียง 1.4% สู่ระดับ5.86 ล้านยูนิตในเดือนมิ.ย. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.90 ล้านยูนิต โดยยอดขายบ้านมือสองได้รับผลกระทบจากราคาบ้านที่พุ่งสูง, สต็อกบ้านในระดับต่ำ และราคาวัสดุสร้างบ้านที่พุ่งขึ้น
  • ข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการจากมาร์กิต
  • หัวหน้าที่ปรึกษาการลงทุนระดับภูมิภาค ซิตี้แบงก์ เอเชียแปซิฟิก และตะวันออกกลาง กล่าวว่า แม้สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วโลกยังคงอยู่ แต่นักวิเคราะห์ซิตี้คาดการณ์ว่าภาพรวมระบบเศรษฐกิจทั่วโลกในช่วงครึ่งหลังปีนี้จะฟื้นตัวหลากหลายรูปแบบในแต่ละภูมิภาคแต่จะยังไม่กลับไปจุดเดิมก่อนเกิดการระบาด มองภาพรวมเศรษฐกิจโลกปีนี้จะขยายตัว 5% และ 4.5% ในปี 2565 โดยเศรษฐกิจของสหรัฐจะขยายตัว 6% จีนขยายตัว 8% ขณะที่ตลาดหุ้นทั่วโลก นำโดยสหรัฐและจีน เพิ่มขึ้น 25% เทียบช่วงสิ้นปี 2562 ก่อนเกิดเหตุโควิด-19 มูลค่าหุ้นทั่วโลกเพิ่มขึ้นอีก 10% ในปีนี้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ก.ค. 64)

Tags: , ,