เงินบาทเปิด 33.38/40 แนวโน้มอ่อนค่า จับตาสัญญาณการทำ QE จากที่ประชุมเฟด

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 33.38/40 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าเล็ก น้อยจากเย็นวานที่ปิดตลาดที่ระดับ 33.37 บาท/ดอลลาร์

วันนี้แนวโน้มเงินบาทยังมีโอกาสจะอ่อนค่าต่อ เนื่องจากดอลลาร์สหรัฐมีทิศทางแข็งค่า เป็นผลจากที่ตลาดคาดการณ์การประชุม ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีการส่งสัญญาณเรื่องการปรับลดวงเงินในมาตรการ QE ซึ่งมองว่าเป็นปัจจัยเดียวในขณะนี้ที่มีผลต่อการ เคลื่อนไหวของค่าเงิน

ขณะที่ปัจจัยในประเทศเรื่องการขยายเพดานหนี้สาธารณะต่อจีดีพีเป็นไม่เกิน 70% จากเดิมไม่เกิน 60% นั้น ไม่ได้ส่งผลต่อค่า เงินบาทเท่าใดนัก เพราะตลาดรับรู้ข่าวไปก่อนหน้านี้แล้ว

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 33.30 – 33.55 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT FIX 3M (21 ก.ย.) อยู่ที่ระดับ 0.34590% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 0.32374%

ปัจจัยสำคัญ

  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 109.37 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานที่ระดับ 109.56 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1725 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานที่ระดับ 1.1732 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารอยู่ที่ระดับ 33.428 บาท/ดอลลาร์
  • ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า จากกรณีที่มีข่าวปัญหาฐานะทางการเงินที่ง่อนแง่นของ บริษัท ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มียอดขายสูงสุดเป็นลำดับสองของจีน มีโครงการกว่า 1,300 โครงการ ใน 280 เมืองและเป็นบริษัทเอกชนที่ได้ชื่อว่ามีหนี้มากที่สุดในโลกที่ 1.97 ล้านล้านหยวน คิดเป็นเงินไทยประมาณ 10 ล้านล้านบาท ซึ่งมีข่าว ว่าอาจจะประกาศผิดนัดชำระหนี้สินเชื่อกับธนาคารพาณิชย์ รวมทั้งการชำระคืนหุ้นกู้ที่ออกในช่วงที่ผ่านมาด้วยนั้น
  • ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ส.อ.ท.สนับสนุนแนวทางของภาครัฐที่ได้พิจารณา ทบทวนกรอบสัดส่วน หนี้สาธารณะต่อจีดีพีจากเดิมกำหนดไว้ไม่เกิน 60% เป็นไม่เกิน 70% เพื่อรองรับการกู้เงินเพิ่มอีก 1 ล้านล้านบาท ใน การกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากผลกระทบโควิด-19 และการล็อกดาวน์ที่ผ่านมา ส่งผลกระทบกับภาค ธุรกิจต่างๆ โดยเฉพาะวิสาหกิจขนาด กลาง และย่อม (เอสเอ็มอี) ทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจไทยชะลอตัว อย่างไรก็ตาม วงเงินดังกล่าวจำเป็นต้องวางแนวทางในการใช้ จ่ายอย่างระมัดระวังเพื่อให้สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างแท้จริง
  • “แอดวานซ์” ผนึก “ไทยพาณิชย์” ตั้งบริษัทร่วมทุน “เอไอเอสซีบี” รุกธุรกิจปล่อยสินเชื่อดิจิทัล เพื่อเพิ่มโอกาสให้คนไทย เข้าถึงบริการทางการเงิน
  • ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย เปิดเผยว่า หากรัฐบาลจะกู้เงินเพิ่มต้องกู้มาเพื่อปรับโครง สร้างเศรษฐกิจด้วยถ้าอยากให้เศรษฐกิจโตกว่าศักยภาพที่ 3% เพราะในตอนนี้รายได้ครัวเรือนโตช้า ซึ่งเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจ และส่ง ผลมายังหนี้ครัวเรือนไทยในอีกไม่เกิน 5 ปีข้างหน้าอาจเกิน 100% ต่อจีดีพี จากไตรมาสแรกปี 64 อยู่ที่ 90.5% ต่อจีดีพี เพราะเศรษฐกิจ ยังไม่ขยายตัว แต่คนยังต้องการเงินกู้เพิ่มไปใช้จ่าย ซื้อรถยนต์ และยังอยากซื้อที่อยู่อาศัย เป็นต้น
  • ครม.มีมติเห็นชอบให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ปรับปรุงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของ “โครงการเรา เที่ยวด้วยกัน เฟส 3” และ “โครงการทัวร์เที่ยวไทย” โดยเปลี่ยนแปลงระยะเวลาสิ้นสุดการดำเนินโครงการทั้ง 2 โครงการ เป็นวันที่ 28 ก.พ.65 และให้ประชาชนสมัครใช้สิทธิ์ได้ไม่เกินวันที่ 31 ม.ค.65 พร้อมให้ ททท.เร่งรัดการเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน โดยมีรายละเอียด ดังนี้ โครงการทัวร์เที่ยวไทย ปรับ 2 หลักเกณฑ์ ได้แก่ 1.เปลี่ยนแปลงการเดินทางท่องเที่ยวข้ามจังหวัด สามารถเดิน ทางได้ทุกวันจากเดิมเดินทางได้เฉพาะวันอาทิตย์-พฤหัสบดี 2.เพิ่มรายการนำเที่ยวเป็น 30 รายการต่อบริษัท จากเดิม 15 รายการต่อ บริษัท โดยรัฐสมทบเงินให้ 40% ของราคาแพ็กเกจท่องเที่ยว หรือไม่เกิน 5,000 บาทต่อคน ซึ่ง ททท.ได้เตรียมความพร้อมสำหรับแพ ลตฟอร์มการลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว
  • ครม.จัดเต็มอนุมัติฟื้นฟูเศรษฐกิจ 1.7 แสนล้าน รักษาระดับการจ้างงาน พยุงกำลังซื้อ ปรับทัวร์เที่ยวไทย-เราเที่ยวด้วย กัน พร้อมลดประกันสังคม 3 เดือน เพิ่มกำลังซื้อ ไฟเขียวงบกลางเพิ่มช่วยบัตรคนจน 2.7 หมื่นล้าน ด้านนักลงทุนต่างชาติทิ้งบอนด์ หวัง เก็งรัฐกู้เพิ่ม
  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 3.9% ในเดือนส.ค. สู่ระดับ 1.615 ล้านยูนิต สูง กว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.555 ล้านยูนิต จากระดับ 1.554 ล้านยูนิตในเดือนก.ค. อย่างไรก็ดี การเริ่มต้นสร้างบ้านยังคงได้ รับผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของราคาวัสดุก่อสร้าง และการขาดแคลนแรงงาน
  • ตัวเลขขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.5% สู่ระดับ 1.903 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับ ตั้งแต่ไตรมาส 2 ของปี 2550 โดยการพุ่งขึ้นของตัวเลขขาดดุลบัญชีเดินสะพัดมีสาเหตุจากการพุ่งขึ้นของการนำเข้า ขณะที่ภาคธุรกิจเพิ่ม การนำเข้าเพื่อรองรับการใช้จ่ายของผู้บริโภค
  • ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (21 ก. ย.) ก่อนที่ตลาดจะรู้ผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่ของวันพรุ่งนี้ ตามเวลาไทย
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ (21 ก.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อ ทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้สินของบริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป นอกจากนี้ การอ่อน ค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดทองคำด้วย
  • นักลงทุนจับตาผลการประชุมเฟดในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยคาดว่าเฟดอาจประกาศปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตร ตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมครั้งนี้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธาน เฟด รวมทั้งรายงาน “dot plot” ซึ่งเป็นการคาดการณ์ในอนาคตของกรรมการเฟดแต่ละคน
  • คณะกรรมาธิการจัดสรรงบประมาณประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเปิดเผยว่า สภาผู้แทนราษฎรจะทำการอภิปรายและลงมติ ต่อร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวในวันนี้ เพื่อสนับสนุนหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐให้มีงบประมาณใช้จ่ายจนถึงวันที่ 3 ธ.ค. เพื่อหลีก เลี่ยงไม่ให้หน่วยงานเหล่านี้ต้องถูกปิดการดำเนินงาน นอกจากนี้ สภาผู้แทนราษฎรจะทำการอภิปรายและลงมติต่อการเพิ่มเพดานหนี้ของ รัฐบาลสหรัฐในวันนี้เช่นกัน
  • ข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ยอดขายบ้านมือสองเดือนส.ค., จำนวนผู้ขอรับ สวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจทั่วประเทศเดือนส.ค.จากเฟดชิคาโก, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต ขั้นต้นเดือนก.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนก.ย.จากมาร์กิต และยอดขายบ้านใหม่เดือนส.ค.

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ก.ย. 64)

Tags: ,