แนวโน้มหุ้นไทยเช้าแกว่งไซด์เวย์ซึมลง กังวลโควิดเดลต้าระบาดหนัก-น้ำมันร่วงแรง

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ซึมลง หลังตลาดสหรัฐฯ-ตลาดยุโรปร่วงแรงราว 2% จากกังวลโควิดสายพันธุ์เดลต้าระบาดหนักกดเศรษฐกิจทรุด ซึ่งเป็นสาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้ราคาน้ำมันรูด 7% ด้วยประกอบกับกลุ่มโอเปกพลัสจะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน นอกจากนี้ Bond yield สหรัฐฯลดลงมาที่ 1.2% เป็นลบต่อกลุ่มสถาบันการเงินสหรัฐฯ-ยุโรป แต่บ้านเราก็ตอบรับปัจจัยลบไปมากแล้ว ให้แนวรับ 1,550-1,545 แนวต้าน 1,560-1,564 จุด

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ในลักษณะซึมตัวลง หลังจากที่ตลาดสหรัฐฯ และตลาดในยุโรปต่างปรับตัวลงแรงราว 2% จากความกังวลการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ โดยเฉพาะสายพันธุ์เดลต้า ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดทั่วโลกพุ่งขึ้นมาเกือบ 5 แสนรายต่อวัน จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อราว 3 แสนรายต่อวัน ทำให้ตลาดกลับมากังวลอีกครั้ง ในเรื่องเศรษฐกิจอาจชะลอตัว, การกลับมาล็อกดาวน์อีก เป็นต้น รวมถึงราคาน้ำมันก็ร่วงแรงถึง 7% จากโควิดระบาดหนัก และกลุ่มโอเปกพลัสยังจะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันด้วย

นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) สหรัฐฯได้ปรับตัวลงมากมาอยู่ที่ 1.2% ทำให้เป็นผลลบต่อกลุ่มสถาบันการเงินในสหรัฐและยุโรป ส่วนบ้านเราคงจะรับผลลบไม่มาก เพราะได้ปรับตัวลงไปก่อนหน้านี้แล้ว อีกทั้งตลาดบ้านเราก็เผชิญแรงกดดันจากโควิดระบาดหนักเช่นกัน จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ยังอยู่ในระดับสูงกว่าหมื่นรายต่อวัน และมาตรการล็อกดาวน์ก็เริ่มใช้วันนี้วันแรก

อย่างไรก็ดี ในช่วงบ่ายให้รอดูตลาดในยุโรปจะฟื้นตัวได้หรือไม่ และติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของกลุ่มแบงก์, การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ จะมีเรื่องมาตรการเยียวยา และการล็อกดาวน์ออกมาเพิ่มอีกหรือไม่ อย่างไร รวมถึงติดตามความคืบหน้าวัคซีน และสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดต่อไป

พร้อมให้แนวรับ 1,550-1,545 จุด ส่วนแนวต้าน 1,560-1,564 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (19 ก.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,962.04 จุด ลดลง 725.81 จุด (-2.09%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,258.49 จุด ลดลง 68.67 จุด (-1.59%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,274.98 จุด ลดลง 152.25 จุด (-1.06%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 24.05 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ร่วงลง 300.94 จุด และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 93.95 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (19 ก.ค.) 1,556.01 จุด ลดลง 18.36 จุด (-1.17%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,786.81 ล้านบาท เมื่อวันที่ 19 ก.ค.64
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (19 ก.ค.) ปิด 66.42 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 5.39 ดอลลาร์ หรือ 7.5%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (19 ก.ค.) อยู่ที่ 2.68 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 32.81/86 ตลาดกังวลผลกระทบโควิด มองกรอบวันนี้ 32.70-32.90
  • ศบค.เผยข้อมูลคาดการณ์ตัวเลขติดเชื้อ ส.ค.ทะลุ 3 หมื่นรายต่อวัน ถ้าไม่ช่วยกันหยุดการแพร่กระจาย ผลวิเคราะห์กรมวิทย์พบสายพันธุ์เดลตาระบาดกว่า 62% ใน 72 จังหวัด เฉพาะ กทม. 77% สธ.งัด “อู่ฮั่นโมเดล” คุมหากสถานการณ์ไม่ฟื้น ผอ.ศบค.ชุดเล็กเผยพร้อมใช้หาก สธ.ประเมินความจำเป็น หมอโอภาส เผยลงนามจัดซื้อไฟเซอร์แล้ว 20 ล้านโดส
  • ทอท.โอดโควิด-19 ฉุดรายได้หล่นต่อเนื่อง เผยกระแสเงินสดในมือเหลือ 2.1 หมื่นล้านบาท ประเมิน ก.ค.ปีหน้าส่อขาดสภาพคล่อง ด้านไทยสมายล์หยุดบินทุกเส้นทางในประเทศชั่วคราวเริ่ม 21 ก.ค.-3 ส.ค.นี้ สนองมาตรการลดโควิด-19 ระบาด
  • แบงก์ชาติ แจงผู้ประกอบการจ่อเข้ามาตรการพักทรัพย์ พักหนี้หมื่นล้านบาท หลังธุรกิจยังอ่วมวิกฤติโควิด-19 ทั้งโรงแรม โรงพยาบาล สปา และโรงงาน ฟุ้งกดปุ่มปล่อยกู้สินเชื่อฟื้นฟูแล้ว 7.23 หมื่นล้านบาท อุ้มผู้ประกอบการ 2.36 หมื่นราย ด้าน LH Bank – เงินติดล้อ ลุยออกมาตรการพักหนี้ช่วยลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ
  • บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดตลาดวันที่ 19 ก.ค.เงินบาทอยู่ที่ 32.90 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าเมื่อเทียบกับที่ปิดตลาดวันที่ 16 ก.ค.อยู่ที่ 32.75 บาทต่อดอลลาร์ เป็นระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 15 เดือน ระหว่างวันดีดกลับมาได้บ้างที่ 32.80 บาทต่อดอลลาร์ เหตุกังวลผลกระทบจากโควิด-19 และตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันพุ่งสูงกว่า 1 หมื่นคน รวมทั้งเฝ้าติดตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิดจากรัฐบาล อาจกดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยจากนี้

หุ้นเด่นวันนี้

  • SNNP (บมจ.ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง) เทรดวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ราคาขาย IPO 9.20 บาท/หุ้น บล.ฟินันเซีย ไซรัส ให้ราคาเป้าหมายเฉลี่ย 13.90 บาท ทั้งนี้ Consensus ประเมินกำไรปี 64 โตสูง +366% และปี 65 +4% บริษัทเป็นผู้นำในตลาดขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่ม แบรนด์ดัง เช่น เจเล่ เบนโตะ ขาไก่โลตัส เมจิกฟาร์ม และน้ำวิตามิน Aquavitz มีโรงงานในไทย 4 แห่ง และกัมพูชา 1 แห่ง สัดส่วนขายในประเทศ:ส่งออก 78%:22 ตลาดส่งออกหลักคือ CLMV อยู่ระหว่างขยายไปตลาดจีน ยุโรป ออสเตรเลีย และสหรัฐ รวมถึงก่อสร้างโรงงานในเวียดนามคาดเริ่มผลิตปี 66 บริษัทมีรายได้และกำไรปี 63 ที่ 4.3 พันลบ. และ 94 ลบ.ตามลำดับ ตั้งเป้ารายได้ใน 5 ปีข้างหน้าโตเฉลี่ย +12% CAGR เป็น 8 พันลบ.ในปี 69
  • MVP-W1 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ บมจ.เอ็ม วิชั่น (MVP)) เทรดวันนี้วันแรก 99,999,969 หน่วย อัตราใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาใช้สิทธิ 1.20 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 2 ปี นับจากวันที่ออก (7 ก.ค.64) ราคา 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดใช้สิทธิครั้งแรก 30 ก.ย.64 ครั้งสุดท้าย 6 ก.ค.66
  • EKH (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ”เป้าปี 65 ที่ 9.20 บาท แนวโน้มกำไร Q2/64 โดดเด่น +41% Q-Q และพลิกจากขาดทุนปีก่อน หนุนจากการระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 ทั้งรายได้และ Margin ที่เติบโต ทั้งนี้ โมเมนตัมกำไร Q3/64 คาดทำ New High จากจำนวนผู้ติดเชื้อที่พุ่งขึ้น ทำให้มีการเพิ่มจำนวนเตียงและล่าสุดรับผู้ป่วยเต็ม 400-500 เตียง โดยปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 64-65 ขึ้นเป็น +128% Y-Y และ +2% Y-Y ตามลำดับ
  • EPG (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้า 16 บาท ได้อานิสงส์ราคาน้ำมันดิบร่วงแรงหนุน GPM เพิ่มขึ้น และยังได้ผลบวกจากกระแส WFH หนุนยอดขายและรายได้จากธุรกิจ Packaging เพิ่มขึ้นเช่นกัน
  • EASTW (ยูโอบี เคย์เฮียน) เป้า 12 บาท ผลการดำเนินงานฟื้นตัวต่อเนื่อง และเป็นการเติบโตทั้งปริมาณการขายและราคาขายน้ำ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ก.ค. 64)

Tags: , , , ,