BGRIM-SCCC ร่วมทุน 1.9 พันลบ.ผุดโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ในรง.ปูนฯ กว่า 100 MW

บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) และบมจ. ปูนซีเมนต์นครหลวง (SCCC) ประกาศความร่วมมือจัดตั้ง บริษัท อินทรี บี.กริม โซล่าร์ จำกัด ทุ่มทุน 1.9 พันล้านบาท พัฒนาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาและโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งบนพื้นดินภายในพื้นที่โรงงานปูนซีเมนต์นครหลวง จังหวัดสระบุรี โดย บี.กริม เพาเวอร์ ถือหุ้น 25% และ ปูนซีเมนต์นครหลวง ถือหุ้น 75% พร้อมประสานพลังพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ของบริษัท อินทรี บี.กริม โซล่าร์ จำกัด แบ่งการดำเนินงานออกเป็น 2 เฟส โดยเฟสแรกจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างในเดือนพฤษภาคม 2567 แล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 3 ปี 2568 มีขนาดกำลังการผลิตรวมประมาณ 83.79 เมกะวัตต์ ซึ่งจะสามารถผลิตไฟฟ้าได้ปีละ 112 กิกกะวัตต์-ชั่วโมง และคาดว่าจะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากถึง 54,000 ตันต่อปี ส่วนแผนงานในเฟสที่ 2 จะเพิ่มกำลังการผลิตอีก 22 เมกะวัตต์ โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนทั้งหมดประมาณ 1,920 ล้านบาท โดย บี.กริม เพาเวอร์ จะลงทุนประมาณ 480 ล้านบาทตามสัดส่วนการถือหุ้น

นายฮาราลด์ ลิงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BGRIM เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา บี.กริม เพาเวอร์ ได้กำหนดยุทธศาสตร์ Green Leap สนับสนุนการขยายโครงการพลังงานหมุนเวียน รวมถึงจัดหาพลังงานที่สะอาด ยั่งยืน มีเสถียรภาพในระดับสูง และราคาที่เข้าถึงได้ให้กับลูกค้า ควบคู่ไปกับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งหนึ่งในมาตรการสำคัญของยุทธศาสตร์ Green Leap คือการยกระดับความร่วมมือทางธุรกิจกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ เพื่อขยายธุรกิจและจับมือกันก้าวสู่ความยั่งยืน การผนึกความร่วมมือกับปูนซีเมนต์นครหลวง จัดตั้ง บริษัท อินทรี บี.กริม โซล่าร์ จำกัด เพื่อพัฒนาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาและโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งบนพื้นดินในครั้งนี้ จึงสอดคล้องกับกลยุทธ์ดังกล่าว อีกทั้งยังนับเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจและประเทศด้วยพลังงานสะอาด

” บี.กริม เพาเวอร์ มีเป้าหมายในการเพิ่มสัดส่วนกำลังการผลิตจากโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนให้สูงกว่า 50% ในปี 2573 และมุ่งสู่องค์กรที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์หรือ Net Zero Carbon Emission ภายในปี 2593 ฉะนั้นการประสานความร่วมมือกับองค์กรใหญ่อย่างปูนซีเมนต์นครหลวงพัฒนาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ จึงเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่จะผลักดันให้เราเดินหน้าสู่เป้าหมายดังกล่าวได้เร็วขึ้น” นายฮาราลด์ ลิงค์ กล่าว

ด้านนายมนตรี นิธิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจปูนซีเมนต์ของประเทศไทย ภายใต้ SCCC หรือ ปูนอินทรี เผยว่า ความร่วมมือในการพัฒนาพลังงานสะอาดครั้งนี้จะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน ปี พ.ศ. 2537 หรือ INSEE Sustainability Ambition 2030 ที่ตั้งเป้าจะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และใช้พลังงานไฟฟ้าที่ได้มาจากแหล่งพลังงานไฟฟ้าทางเลือกให้ได้อย่างน้อย 20% ของกลุ่มบริษัทปูนซีเมนต์นครหลวงได้เป็นอย่างดี

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 พ.ค. 67)

Tags: , , , ,