DDD เปิดแผน ปี 65 พุ่งเป้าสินค้านวัตกรรม,รุกออนไลน์-ตปท.ดันรายได้โต 30%

นางสาวนันทวรรณ สุวรรณเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ดู เดย์ ดรีม (DDD) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานและทิศทางสำหรับปี 65 บริษัทยังคงตั้งเป้าที่จะผลักดันรายได้ให้เติบโต 30% โดยยังมุ่งเน้นไปที่การสร้างนวัตกรรมใหม่ให้กับผลิตภัณฑ์ เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในการแข่งขัน และสร้างความแตกต่าง นอกจากนี้จะเพิ่มความน่าสนใจให้กับผลิตภัณฑ์ด้วยการทำ Brand collaboration เพื่อเอาใจนักสะสมและกระตุ้นยอดขาย

สำหรับช่องทางการจัดจำหน่ายในปีนี้บริษัทฯ ยังมุ่งเน้นการเติบโตอย่างต่อเนื่องของช่องทางออนไลน์ เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภค และแนวโน้มการเติบโตที่มีการขยายตัวได้ดี รวมไปถึงการขยายตลาดต่างประเทศที่ยังมองเห็นโอกาสเติบโตได้อีกมาก ดังจะเห็นได้จากผลการตอบรับการขยายตลาดในประเทศฟิลิปปินส์ที่แบรนด์สินค้าต่างๆของบริษัทฯ ได้รับการยอมรับเป็นอย่างมาก ทั้งแบรนด์ SNAILWHITE, OXE’CURE และ SPARKLE ที่ได้รับรางวัลการันตีหลายรางวัลในปีที่ผ่านมา และยังมีแผนการขยายตลาดไปยังประเทศอื่นเพิ่มเติมอีกด้วย

นอกจากนี้ บริษัทฯยังคงมองหาโอกาสสำหรับการขยายการลงทุนด้วยการร่วมทุนและซื้อกิจการ เพื่อให้เติบโตแบบก้าวกระโดดได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ดีบริษัทฯจะพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนการลงทุน โดยยังคงมุ่งเน้นที่จะขยายธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ ความงาม สุขภาพ และสินค้า Lifestyle ที่มีแนวโน้มเติบโตสูงจากการพฤติกรรมผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญในสุขภาพและความงามมากขึ้น เพื่อรักษาระดับการเติบโตอย่างมั่นคงยั่งยืน

สำหรับผลการดำเนินงานในปี 64 บริษัทมียอดขายเติบโต 41% เนื่องจากการที่บริษัทได้มีการปรับแผนการดำเนินงานหลายด้านทั้งเชิงรุก และการตั้งรับกับสภาวะความผันผวนของเศรษฐกิจ กำลังซื้อ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการจับจ่ายของผู้บริโภค เพื่อให้เติบโตได้ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้

ในปีที่ผ่านมาบริษัทสามารถลดต้นทุนการผลิต และลดปริมาณสินค้าเสื่อมสภาพลงได้อย่างมีสาระสำคัญ ส่งผลให้มีอัตรากำไรขั้นต้น 60% หรือ เพิ่มขึ้นกว่า 18 point ที่มูลค่า 433 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับปี 63 ที่มีอัตรากำไรขั้นต้น 42%

นอกจากนี้บริษัทฯได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างความแตกต่างและการเป็นผู้นำตลาดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ต่างๆ อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี รวมถึงการเร่งขยายช่องทางการจัดจำหน่าย และการขยายช่องทางออนไลน์ พร้อมกับช่องทางขายทางโทรศัพท์ ซึ่งสามารถเพิ่มยอดขายในสองช่องทางได้มากกว่า 1.90 เท่า เมื่อเทียบกับปี 63 รวมไปถึงการขยายตลาดต่างประเทศที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากโดยเฉพาะในประเทศฟิลิปปินส์ ทำให้ในปี 64 บริษัทฯมีกำไรจากการดำเนินงานเป็นบวก (Operating Performance Turnaround) และมีอัตรากำไรจากการดำเนินงานที่ 2% หรือ เพิ่มขึ้นกว่า 36 point ที่มูลค่า 367 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับปี 63 ที่มีอัตรากำไรจากการดำเนินงาน -34% ท่ามกลางวิกฤตจากการแพร่ระบาดของโควิด -19 ที่ส่งผลกระทบตลอดปี

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 เม.ย. 65)

Tags: , , ,