PTG ทุ่ม 2.5 พันล้านปั้น “ซับเวย์” ขึ้น TOP 3 ฟาสต์ฟู้ดไทยในปี 69 จ่อ M&A แบรนด์ใหม่เติมพอร์ต

นางสาวเพชรัตน์ อุทัยสาง กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลัค จำกัด ในเครือ บมจ.พีทีจี เอ็นเนอร์ยี (PTG) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดตัวเป็นผู้ดำเนินการ “มาสเตอร์ แฟรนไซส์ ซับเวย์” ในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว ตั้งเป้าขึ้นแท่น TOP 3 ตลาดธุรกิจร้านอาหารบริการด่วน (QSR) ในไทยภายใน 3 ปี จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณลำดับที่ 5-6 โดยจะมุ่งขยายสาขามากกว่า 500 สาขาทั่วประเทศใน 10 ปี ใช้งบลงทุนราว 2,500 ล้านบาท คาดว่าแต่ละสาขาจะสามารถสร้างรายได้ 10 ล้านต่อปี

สำหรับแผนการขยายสาขาบริษัทตั้งเป้าขยายประมาณ 50 สาขาต่อปี ทั้งในพื้นที่ปั๊มน้ำมัน ห้างสรรพสินค้า มหาวิทยาลัย และโรงพยาบาล ใช้งบลงทุนขยายแต่ละสาขาราว 4-5 ล้านบาท ซึ่งในช่วงที่เหลือของปี 67 จะขยายสาขา 20-30 สาขา โดยเริ่มต้นสาขาแรกภายใต้บริษัท โกลัค จำกัด เดือน มิ.ย. นี้ มุ่งเน้นขยายสาขาใหม่ในต่างจังหวัด โดยเฉพาะพื้นที่ท่องเที่ยวและหัวเมืองใหญ่ อาทิ ภูเก็ต พัทยา ขอนแก่น และเชียงใหม่

นางสาวเพชรัตน์ กล่าวว่า บริษัทยังคงมองมาแบรนด์สินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่ม (F&B) ใหม่ ๆ เข้ามาเติมพอร์ต ทั้งแบรนด์ต่างประเทศและแบรนด์ท้องถิ่น คาดว่าส่วนใหญ่จะเป็นการทำ M&A

บริษัทยังคงมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและมีคุณภาพ เป็นทางเลือกที่ดีกว่า สำหรับคนรักสุขภาพในธุรกิจร้านอาหารบริการด่วน (QSR) และคงไว้ซึ่งแบรนด์ที่อยู่ในใจของคนรุ่นใหม่ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างลงตัวที่สุด และมีจุดยืนในเรื่องของการเป็น Healthy Choice ให้ลูกค้าได้ทานอาหารที่อร่อย เสิร์ฟ สด ใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Eat Fresh, Feel Good”

ร้านซับเวย์เป็น QSR เดียวที่อบขนมปัง สด ใหม่ ในร้านทุกวัน โดยนำเข้าจากต่างประเทศ มีให้เลือกมากถึง 5 ชนิด รวมถึงขนมปังโฮลวีต อีกทั้งมีเนื้อสัตว์หลากหลายให้เลือก เช่น ทูน่า ไก่ เนื้อ ที่ไม่ผ่านการแปรรูป พร้อมผักสดหลากหลายชนิด มีซอสให้เลือกมากถึง 12 แบบ โดยลูกค้าสามารถเลือกทานได้ทั้งในรูปแบบ แซนวิช แรป หรือสลัด พร้อมคุกกี้อีก 4 รสชาติ

จากการวิจัยพบว่า การสั่ง “ซับเวย์” ค่อนข้างซับซ้อน และใช้เวลาค่อนข้างนาน ทำให้ผู้บริโภคไม่กล้าสั่ง เราจึงเน้นให้ลูกค้าสั่งเมนูยอดนิยม อร่อยตามสูตรของชับเวย์โดยไม่ต้องเลือก เช่น แซนวิชทูน่า, ไก่เทอริยากิ, สเต็ก แอนด์ ชีส และอื่น ๆ อย่างไรก็ตามลูกค้าที่ต้องการ DIY ยังสามารถเลือกเมนูได้ตามใจชอบเช่นเดิม

นอกจากนี้ เราจะมุ่งเน้นในเรื่อง Value Campaign เพื่อขยายฐานลูกค้า และเพิ่มการกลับมาซื้อช้ำ โดยมีการนำเสนอขาย combo เป็นชุด รวมทั้งโปรโมชั่นต่าง ๆ เพิ่มความหลากหลายของเมนู Snack และ Finger Food

ทั้งนี้ ภายใต้การบริหารของ “โกลัค” สาขาที่เปิดใหม่จะถูกตกแต่งด้วยแนวคิดการออกแบบ “Fresh Forward 2.0” ของซับเวย์ ซึ่งประเทศไทยถือเป็นประเทศแรกในเอเชียที่ตกแต่งด้วยแนวคิดดังกล่าว รวมทั้งการนำวัฒนธรรมไทย มาผสมผสานในการออกแบบให้ลงตัวมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังได้นำรูปแบบ “ไดร์ฟทรู” มาใช้ด้วยเช่นกัน โดยจะเปิดไดร์ฟทรูสาขาแรกในสถานีบริการน้ำมันเรือธงของ PT ที่นครชัยศรีภายในไตรมาส 4/67 เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค เน้นทำเลที่สะดวกเข้าถึงง่าย และมองเห็นเด่นชัด

ปัจจุบัน ซับเวย์ มีสาขาทั้งหมด 148 สาขา ทางบริษัทฯ มีแผนขยายสาขาอีกมากกว่า 500 สาขาภายใน 10 ปี ทั้งในกรุงเทพ และปริมณฑล แหล่งท่องเที่ยว รวมไปถึงหัวเมืองหลักทั่วประเทศ โดยเน้นที่ห้างสรรพสินค้าคอมมูนิตี้มอลล์ ออฟฟิศ สนามบิน โรงพยาบาล รวมไปถึงรูปแบบ Stand Alone เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้าและสร้างการเข้าถึงร้านซับเวย์ โดยกลุ่มเป้าหมายหลัก คือ วัยรุ่น คนทำงาน และกลุ่มครอบครัว

บริษัทมีความมุ่งมั่นในการเพิ่มการเข้าถึงลูกค้าผ่านการขยายสาขา เพิ่มช่องทาง Online, Mobile Application, Selt-ordering Kiosk, QR Ordering, Order and Pick Up, E Wallet และ CRM ต่าง ๆ เพื่อเพิ่มความสะดวกรวดเร็วแก่ลูกค้าที่มาใช้บริการ โดยการใช้ Max World Ecosystern ที่แข็งแกร่งของ PTG ในเรื่องจำนวนสาขา และจำนวนสมาชิก ถือเป็นกำลังหลักในการทำให้เราได้รู้จักลูกค้ามากขึ้น รวดเร็วขึ้น ผ่านระบบ CRM จากฐานลูกค้าผ่านสมาชิกบัตร PT Max Card ที่มีมากกว่า 21 ล้านสมาชิก

นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTG เปิดเผยว่า ธุรกิจ F&B เป็น 1 ใน 8 ธุรกิจหลักที่ PTG ตั้งเป้าที่จะเข้าลงทุนตามแผน Diversity Portfolio เพื่อขยายกลุ่มธุรกิจ Non-Oil ให้เติบโตมากขึ้น ซึ่งในอนาคต โกลัค จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการเติบโตของบริษัทฯ รวมถึงต่อยอดและขยายธุรกิจกลุ่ม F&B ของ PTG ที่มีอยู่เดิมให้เติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อเสริม Max World ให้แข็งแกร่งมากขึ้น และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกคนให้ได้มีโอกาสเข้าถึงชีวิตที่ “อยู่ดี มีสุข” ในทุกด้านของช่วงชีวิต

ปัจจุบันกลุ่มธุรกิจ Non-Oil มีสัดส่วนกำไรประมาณ 20% ซึ่งบริษัทตั้งเป้าจะเพิ่มสัดส่วนกำไรของธุรกิจ Non-oil เป็น 50% ภายในปี 70 เชื่อว่าแบรนด์อาหารระดับโลกอย่างซับเวย์จะเข้ามาเติมเต็มธุรกิจ F&B ของบริษัทฯ สร้างความอยู่ดีมีสุขให้กับลูกค้าทั้งภายในและภายนอกสถานีบริการ รวมถึงกลุ่มสมาชิก PT Max Card กว่า 21 ล้านสมาชิกให้สามารถเข้าถึงชีวิตที่อยู่ดีมีสุขในทุกช่วงของชีวิต ซึ่งเป็นการต่อยอดประสิทธิภาพของระบบนิเวศทาง ธุรกิจของ PTG (Max World Ecosystem) และแบรนด์ PTG ได้เป็นอย่างดี

“เรามองเห็นถึงความต้องการของตลาดที่เพิ่มมากขึ้นต่อซับเวย์ในประเทศไทย ซึ่งเป็นแบรนด์ที่อยู่ในใจของคนรุ่นใหม่ที่กำลังมองหาทางเลือกด้านสุขภาพ สามารถตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างลงตัวที่สุด โดยเชื่อว่า Subway จะเข้ามาเติมเต็มธุรกิจ F&B ของบริษัทฯ และสามารถสร้างการเติบโตร่วมกันในประเทศไทยได้อย่างแน่นอน” นายพิทักษ์ กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 เม.ย. 67)

Tags: , , ,