นักวิจัยชี้จีนครองสัดส่วน 40% ของอุปสงค์น้ำมันโลกที่เพิ่มขึ้นปีนี้ หลังเศรษฐกิจฟื้นตัว

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สถาบันวิจัยวู้ด แมคเคนซี (Wood Mackenzie) เปิดเผยคาดการณ์ในวันนี้ (23 มี.ค.) ว่า จีนจะครองสัดส่วน 40% ของอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นในปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจฟื้นตัวใหม่หลังจากการยกเลิกนโยบายล็อกดาวน์โควิด-19 ที่เข้มงวด แต่อย่างไรก็ตาม ความต้องการน้ำมันของจีนที่เพิ่มสูงขึ้นจะไม่ทำให้ราคาน้ำมันให้กลับไปอยู่ในระดับปี 2565

รายงานระบุว่า ในการคาดการณ์ตามสถานการณ์ปกติตามที่ควรจะเป็น เศรษฐกิจของจีนจะโตขึ้น 5.5% ในปีนี้ หลังจากยกเลิกมาตรการควบคุมโควิด-19 ซึ่งนั่นหมายความว่าจีนจะต้องการน้ำมันเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน (bpd) จากอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีนี้

ขณะเดียวกัน หากเศรษฐกิจของจีนมีการเติบโตสูง โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของจีนเพิ่มขึ้น 7% ความต้องการน้ำมันของจีนจะเพิ่มขึ้นอีก 400,000 บาร์เรลต่อวัน

สำหรับราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) ในปีนี้ จะยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 99 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ในปี 2565 เนื่องจากตลาดปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ความวุ่นวายที่เกิดจากสงครามรัสเซียในยูเครนได้แล้ว

ด้านนาย มาร์ค วิลเลียมส์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยการคาดการณ์ตลาดน้ำมันระยะสั้นของวู้ด แมคเคนซี กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า หลังจากความวุ่นวายของตลาดในภาคการธนาคารในเดือนนี้ เชื่อว่าไม่มีแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญใด ๆ ในปัจจัยพื้นฐานของอุปสงค์และอุปทาน และคาดว่าราคาน้ำมันจะฟื้นตัวกลับมาได้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 มี.ค. 66)

Tags: ,