ปปง.ตั้งเป้าตัดวงจรบัญชีม้า 1 ล้านบัญชี แจงคืบหน้าคดี “มินนี่-STARK-Forex-3D”

นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เผยในปีงบประมาณ 2567 ตั้งเป้าที่จะดำเนินการระงับบัญชีม้า เพื่อตัดวงจรอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนเป็นจำนวนมากให้ได้จำนวน 1 ล้านบัญชี จากปัจจุบันที่สามารถดำเนินการประกาศรายชื่อบัญชีม้าไปได้แล้ว 33,359 ราย จำกัดช่องทางไม่ให้ทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์แล้ว 324,607 บัญชี โดยมีมูลค่าเงินคงเหลือในบัญชีรวมทั้งสิ้น 923,991,374.23 บาท

“ปปง.มุ่งเน้นที่จะแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยช่องทางหนึ่งคือการตัดวงจรบัญชีม้า แต่ก็จะมีคนใหม่เข้ามาทำแทน จึงขอเตือนคนที่รับจ้างเปิดบัญชี อย่าเห็นกับค่าตอบแทนเพียงเล็กๆ น้อยๆ” นายเทพสุ กล่าว

ขณะเดียวกันพยายามหาแนวทางที่จะเป็นการปิดช่องว่างของการบังคับใช้กฎหมายป้องกันบัญชีม้า เช่น การแก้ไขปัญหาเรื่องระยะเวลาที่ให้ ปปง.มีอำนาจระงับบัญชีได้ไม่เกิน 7 วัน, การประสานกับสถาบันการเงินให้กวดขันการเปิดบัญชีเท่าที่มีความจำเป็น อย่างกรณีที่เป็นนักศึกษา แม่บ้าน ไม่น่าที่จะมีหลายบัญชี แต่หากเป็นนิติบุคคลก็จะมีข้อกำหนดอยู่แล้ว โดยพบว่ามีการเปิดบัญชีม้าในนามนิติบุคคลเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ซึ่งตามกฎหมายสถาบันการเงินสามารถที่จะพิจารณาไม่เปิดบัญชีให้ได้ โดยมาตรการดังกล่าวสอดคล้องกับกรณีที่มีการตรวจสอบเรื่องซิมโทรศัพท์

*ผลงาน 6 เดือนปีงบ 67 ยึดทรัพย์กว่า 1.2 หมื่นลบ.

สำหรับผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบ 2567 ได้ดำเนินการกับทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดมูลฐานกว่า 12,160 ล้านบาท แบ่งเป็น

  • ยึดและอายัดทรัพย์สินจำนวน 130 คำสั่ง จำนวน 121 คดี ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการยื่นคำร้องให้ตกเป็นของแผ่นดินรวมมูลค่าทรัพย์สินประมาณ 6,713 ล้านบาท
  • ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการเพื่อคุ้มครองสิทธิผู้เสียหายในความผิดมูลฐานจำนวน 39 คดี รวมมูลค่าทรัพย์สินประมาณ 5,447 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นคดีฉ้อโกงประชาชน
  • ดำเนินมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและบัญชีม้าอย่างเข้มข้น โดยสามารถตัดวงจรธุรกรรมบัญชีม้าได้เกือบ 320,000 บัญชี

ขณะที่ คณะกรรมการธุรกรรมเมื่อวันที่ 10 เม.ย.67 ได้ดำเนินการกับทรัพย์สิน 655 รายการ จำนวน 47 คดี มูลค่าทรัพย์สินกว่า 3,364 ล้านบาท และมอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบทรัพย์สิน 25 เรื่อง อาทิ

*ยึดทรัพย์เครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ “มินนี่” เพิ่มอีก 68 ลบ.

นายเทพสุ กล่าวถึงความผิดเกี่ยวกับพนันออนไลน์และความผิดฐานฟอกเงิน เครือข่าย www.betflixroyal.com และ www.betflikroyal.net โดยจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ พร้อมตรวจค้นบ้านพักหลายพื้นที่ และตรวจยึดทรัพย์สินของกลุ่มเครือข่ายผู้กระทำความผิดไว้จำนวนมาก รวมถึงทรัพย์สินของ น.ส.ธันยนัน (มินนี่) จากการตรวจสอบข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์ พบข้อมูลระบบบริหารจัดการของเว็บไซต์พนันออนไลน์ และข้อมูลบัญชีเงินฝากธนาคารของเว็บไซต์พนันออนไลน์ โดยมีทรัพย์สินส่วนที่สำนักงาน ปปง. ดำเนินการยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินแล้วจำนวน 255 รายการ มูลค่าประมาณ 41 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลแพ่ง

ต่อมาสำนักงาน ปปง.ตรวจสอบพบทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดเพิ่มเติม โดยคณะกรรมการธุรกรรมมีคำสั่งให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว (เพิ่มเติม) จำนวน 4 รายการ (ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง และบัญชีเงินฝากธนาคาร) มูลค่าประมาณ 68 ล้านบาท รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ดำเนินการไปแล้วในกรณีดังกล่าวกว่า 109 ล้านบาท

*คดี STARK ยึดทรัพย์แล้วกว่า 3.2 พันลบ.

คดีนายชนินทร์ เย็นสุดใจ กับพวก เป็นความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน การยักยอกหรือฉ้อโกงหรือการกระทำโดยทุจริตตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน และการยักยอกทรัพย์อันมีลักษณะเป็นปกติธุระ กรณี บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) ซึ่งนายชนินทร์เป็นประธานกรรมการมีพฤติการณ์ตกแต่งงบการเงินของบริษัทเพื่อแสดงผลการดำเนินการที่ดีและสูงกว่าความเป็นจริง ต้องการให้เป็นที่สนใจของผู้ลงทุน โดยมีส่วนมีทรัพย์สินส่วนที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลแพ่ง

โดยคณะกรรมการธุรกรรมมีมติส่งเรื่องให้พนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินจำนวน 255 รายการ (ที่ดิน และเงินในบัญชีเงินฝาก) มูลค่าประมาณ 2,890 ล้านบาท รวมมูลค่าทรัพย์สินที่สำนักงาน ปปง.ดำเนินการในกรณีดังกล่าวประมาณ 3,200 ล้านบาท

ทั้งนี้สำนักงาน ปปง.อยู่ระหว่างรวบรวมข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผู้เสียหายเพื่อดำเนินการคุ้มครองสิทธิตามกฎหมายต่อไป

*คดี Forex-3D อายัดทรัพย์ รวมมูลค่า 258 ลบ.

คดีนายอภิรักษ์ โกฏธิ กับพวก กรณีหลอกลวงให้ลงทุนซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศ (Forex-3D) โดยเสนอผลตอบแทนในอัตรา 60-80% ของเงินผลกำไรที่ได้จากการนำไปลงทุนอัตราแลกเปลี่ยนเงิน โดยคณะกรรมการธุรกรรมมีมติเห็นชอบส่งเรื่องให้พนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้นำทรัพย์สินไปคืนหรือชดใช้คืนผู้เสียหาย (กรณีคุ้มครองสิทธิผู้เสียหายเพิ่มเติม) โดยรวมผู้เสียหายที่ได้รับการคุ้มครองสิทธิ 7,626 ราย และเป็นผู้เสียหายที่ได้รับการคุ้มครองสิทธิ 7,642 ราย รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ดำเนินการกว่า 258 ล้านบาท

*ติดตามทรัพย์คดียาเสพติดเครือข่าย “เหว่ยเซี๊ยะกัง” กลับคืนจากตปท.ได้เป็นคดีแรก

ขณะที่ น.ส.สุปราณี สถิตชัยเจริญ ผู้อำนวยการกองความร่วมมือและพัมนามาตรฐาน กล่าวว่า ขณะนี้สามารถติดตามทรัพย์สินเกี่ยวกับการกระทำความผิดในต่างประเทศ และการประสานความร่วมมือด้านคดีกับต่างประเทศ เช่น การติดตามทรัพย์สินคดียาเสพติดเครือข่ายเหว่ยเซี๊ยะกังคืนจากสหพันธรัฐสวิส ซึ่งเป็นคดีแรกของประเทศไทยที่ได้รับทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดคืนจากต่างประเทศ

โดยฝ่ายสมาพันธรัฐสวิสจะโอนเงินของผู้กระทำความผิดที่ตรวจพบคืนให้ประเทศไทยประมาณ 1,883,332.68 ฟรังสวิส หรือประมาณ 76 ล้านบาท ภายในเดือนเมษายนนี้

รวมถึงการดำเนินการกับกรณีอดีตผู้บริหารธนาคารธนาคารพาณิชย์บังกลาเทศฟอกเงินในประเทศไทยและการยึดอายัดทรัพย์กลุ่มเครือข่ายผู้กระทำความผิดภายใต้ยุทธการ SHELL GAME ซึ่งสามารถยึดอายัดทรัพย์สินไว้ได้รวมทั้มูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 9 ล้านบาท

“ปปง.สามารถติดตามทรัพย์สินที่เกี่ยวกับคดีในต่างประเทศกลับคืนมาได้เป็นคดีแรก ถึงแม้จะใช้เวลานานเกือบ 20 ปี ซึ่งจะเป็นแนวทางในการติดตามทรัพย์สินในต่างประเทศคืนในอนาคต” น.ส.สุปราณี กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 เม.ย. 67)

Tags: , , , ,